ใส่ถุงยางแล้วตกขาวเพิ่มขึ้น คัน แสบ…ใช่แพ้หรือเปล่า?
ผู้หญิงหลายคนหลังมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัย อาจพบว่า มีตกขาวมากขึ้น คัน หรือรู้สึกระคายเคืองบริเวณจุดซ่อนเร้น
หลายครั้งอาการเหล่านี้เกิดจาก “การแพ้สารเคมีหรือวัสดุในถุงยางอนามัย” โดยเฉพาะประเภทที่มีสารหล่อลื่น น้ำหอม หรือฆ่าอสุจิ
อาการแพ้ถุงยางอนามัยส่งผลต่อช่องคลอดอย่างไร?
- ตกขาวมากขึ้น หรือขาวข้นผิดปกติ
- คันบริเวณแคม หรือภายในช่องคลอด
- มีรอยแดง แสบหรือเจ็บแผลตื้น
- บางรายอาจมีอาการคล้ายติดเชื้อรา ทั้งที่ไม่มีเชื้อ
ถุงยางแบบไหนเสี่ยงกระตุ้นตกขาว?
ชนิดถุงยาง | ความเสี่ยง |
---|---|
ถุงยางเคลือบสารฆ่าอสุจิ (Nonoxynol-9) | สูง |
ถุงยางผสมน้ำหอม / กลิ่นผลไม้ | ปานกลาง – สูง |
ถุงยางจากน้ำยางธรรมชาติ (Latex) | แพ้ในคนที่มีภาวะ latex allergy |
ถุงยางชนิดโพลียูรีเทน (Polyurethane) | แพ้น้อยที่สุด |
👉 วิธีป้องกันตกขาวจากการแพ้ถุงยาง
✅ เปลี่ยนเป็นถุงยางชนิดไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารฆ่าอสุจิ
✅ หากเคยมีอาการแพ้ → ใช้ถุงยางที่ทำจาก Polyurethane แทน
✅ ใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำ ไม่มีน้ำหอมร่วม
✅ หากยังมีอาการ → ปรึกษาเภสัชกรเพื่อรับยาเหน็บลดอาการอักเสบหรือเชื้อราเบื้องต้น
📍 ปรึกษาเภสัชกรได้ที่ร้านขายยาคุณภาพ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่กระตุ้นตกขาวหรือการระคายเคือง
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- ใช้ถุงยางมีน้ำหอมโดยไม่เคยทดลองมาก่อน
- ใช้ถุงยางหมดอายุ / เก็บในที่ร้อน
- มีอาการคันแสบแล้วไม่หยุดใช้ถุงยางเดิม
- ซื้อยามาใช้เองทุกครั้งที่คันโดยไม่รู้สาเหตุ
อ่านเพิ่มเติม: [ตกขาวจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs): รู้ให้ทันก่อนลุกลาม]
อ่านเพิ่มเติม: [เภสัชกรแนะนำ: ยาเหน็บตกขาวที่เลือกใช้บ่อย พร้อมวิธีใช้ที่ถูกต้อง]
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- CDC. Latex allergy and condom reactions. cdc.gov
- Mayo Clinic. Vaginal irritation and contraceptives. mayoclinic.org
- NHS. Irritation after condom use. nhs.uk
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com