ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นยาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการรักษาภาวะผมร่วงผมบางจากพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) ในผู้ชาย โดยออกฤทธิ์ลดฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวการหลัก [1] อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้ ฟิแนสเทอไรด์ ได้ หรือบางคนอาจไม่ต้องการผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น การทำความเข้าใจทางเลือกอื่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

1. ไมนอกซิดิล (Minoxidil): ยาทากระตุ้นการงอกของผม (และชนิดกิน)
ไมนอกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาปลูกผมที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง และเป็นหนึ่งในยาทางเลือกอันดับต้น ๆ นอกเหนือจาก ฟิแนสเทอไรด์ [2, 3]
- กลไกการออกฤทธิ์: ไมนอกซิดิล ทำหน้าที่หลักในการขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เลือดและสารอาหารไปเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม (Anagen Phase) และกระตุ้นให้รูขุมขนที่อยู่ในระยะพักกลับมาสร้างผมใหม่ [3, 4]
- รูปแบบ:
- ชนิดทาภายนอก (Topical Minoxidil): มีจำหน่ายในรูปแบบโลชั่นหรือโฟม ความเข้มข้น 2% และ 5% สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป [2] นิยมใช้ในผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงยาเม็ด หรือใช้ร่วมกับ ฟิแนสเทอไรด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- ชนิดรับประทาน (Oral Minoxidil): เดิมใช้รักษาความดันโลหิตสูง แต่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ “นอกข้อบ่งใช้” (Off-label use) ในปริมาณต่ำ (เช่น 2.5 มิลลิกรัม) เพื่อรักษาผมร่วง โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลและใบสั่งแพทย์อย่างใกล้ชิด [5]
- ข้อดี:
- มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการงอกของผมและทำให้ผมหนาขึ้น [3]
- ไม่มีผลข้างเคียงต่อฮอร์โมนเพศชายเหมือน ฟิแนสเทอไรด์
- ชนิดทาสามารถหาซื้อได้ง่าย
- ข้อควรพิจารณา:
- ไม่ได้จัดการกับสาเหตุหลักของผมร่วงจาก DHT โดยตรง
- ต้องใช้ต่อเนื่อง หากหยุดใช้ ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จะกลับมาร่วง
- ชนิดทาอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ คัน หรือมีขนขึ้นบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
- ชนิดกินอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น ใจสั่น บวมน้ำ ความดันโลหิตต่ำ ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ [3]
2. ดูทาสเตอไรด์ (Dutasteride): ยาทางเลือกที่ออกฤทธิ์แรงกว่า
ดูทาสเตอไรด์ (Dutasteride) เป็นยาในกลุ่ม 5-alpha reductase inhibitors เช่นเดียวกับ ฟิแนสเทอไรด์ แต่มีประสิทธิภาพในการลดระดับ DHT ได้สูงกว่า [6]
- กลไกการออกฤทธิ์: ดูทาสเตอไรด์ สามารถยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase ได้ทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 (ซึ่ง ฟิแนสเทอไรด์ ยับยั้งหลักๆ แค่ชนิดที่ 2) ทำให้ลด DHT ในกระแสเลือดได้มากกว่า 90% [2, 6]
- รูปแบบ: ยาเม็ดรับประทาน (0.5 มิลลิกรัม) ต้องมีใบสั่งแพทย์
- ข้อดี:
- มีหลักฐานงานวิจัยที่ชี้ว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มจำนวนและความหนาแน่นของเส้นผมได้ดีกว่า ฟิแนสเทอไรด์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการผมร่วงรุนแรง [6, 7]
- ข้อควรพิจารณา:
- ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การใช้ ดูทาสเตอไรด์ เพื่อรักษาผมร่วงยังเป็นการใช้แบบ “นอกข้อบ่งใช้” (Off-label use) [7]
- เนื่องจากลด DHT ได้มากกว่า จึงอาจมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชายสูงกว่า ฟิแนสเทอไรด์ เล็กน้อย [6]
- มีค่าครึ่งชีวิตของยาที่ยาวนานมาก (อยู่ได้นาน 3-5 สัปดาห์) หากเกิดผลข้างเคียง ยาจะคงอยู่ในร่างกายนานกว่า ฟิแนสเทอไรด์ [5]
3. การบำบัดด้วยเลเซอร์ระดับต่ำ (Low-Level Laser Therapy – LLLT)
เป็นการรักษาที่ใช้แสงเลเซอร์พลังงานต่ำส่องไปที่หนังศีรษะ
- กลไกการออกฤทธิ์: เชื่อว่าแสงเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม (Photobiostimulation) เพิ่มการไหลเวียนเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงรูขุมขน และช่วยกระตุ้นรูขุมขนให้เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต [8, 9]
- รูปแบบ: มีทั้งอุปกรณ์แบบหมวก เลเซอร์คอมบ์ หรือเครื่องมือที่ใช้ในคลินิก
- ข้อดี:
- ไม่ใช้ยา ไม่มีผลข้างเคียงต่อฮอร์โมน
- สามารถใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยา ฟิแนสเทอไรด์ หรือ ไมนอกซิดิล ได้ [9]
- ข้อควรพิจารณา:
- ต้องใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ (สัปดาห์ละหลายครั้ง) และต้องใช้เป็นระยะเวลานานหลายเดือนกว่าจะเห็นผล [9]
- ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และมักได้ผลดีในระยะเริ่มต้นของผมร่วง [8]
4. การรักษาด้วยพลาสม่าที่อุดมด้วยเกล็ดเลือด (Platelet-Rich Plasma – PRP)
เป็นการนำเลือดของตนเองมาปั่นแยกเอาพลาสม่าส่วนที่เข้มข้นไปด้วยเกล็ดเลือดและ Growth Factors แล้วฉีดกลับเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหา [10]
- กลไกการออกฤทธิ์: Growth Factors ในเกล็ดเลือดเชื่อว่าช่วยกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดของเส้นผม (Hair Follicle Stem Cells) เพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดการอักเสบในหนังศีรษะ [10]
- รูปแบบ: เป็นการทำหัตถการในคลินิกหรือโรงพยาบาล โดยแพทย์เป็นผู้ดำเนินการ
- ข้อดี:
- เป็นสารสกัดจากร่างกายตัวเอง จึงลดความเสี่ยงการแพ้หรือผลข้างเคียงจากยา
- สามารถใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยา ฟิแนสเทอไรด์ หรือ ไมนอกซิดิล ได้ [10]
- ข้อควรพิจารณา:
- ต้องทำหลายครั้ง (มักจะ 3-4 ครั้งในช่วงแรก และทำซ้ำเป็นระยะ)
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- ยังต้องการงานวิจัยขนาดใหญ่เพื่อยืนยันประสิทธิภาพที่ชัดเจนในระยะยาว [10]

5. การปลูกผมถาวร (Hair Transplantation)
เป็นการผ่าตัดย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมหนาแน่น (เช่น ท้ายทอย) ไปยังบริเวณที่ผมบางหรือล้าน
- กลไกการออกฤทธิ์: เป็นการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อ DHT ไปยังบริเวณที่ต้องการ [11]
- รูปแบบ: เป็นหัตถการผ่าตัดเล็ก (เช่น Follicular Unit Extraction – FUE หรือ Follicular Unit Transplantation – FUT)
- ข้อดี:
- เป็นวิธีเดียวที่ให้ผลลัพธ์แบบ ถาวร สำหรับการเติมเต็มพื้นที่ที่ไม่มีผมแล้ว [11]
- ผมที่ปลูกใหม่มักจะแข็งแรงและเติบโตได้ตามปกติ
- ข้อควรพิจารณา:
- เป็นการผ่าตัด มีค่าใช้จ่ายสูง
- จำเป็นต้องมีผมบริเวณท้ายทอยที่แข็งแรงเพียงพอเป็นบริเวณผู้ให้
- มักแนะนำให้ใช้ยา ฟิแนสเทอไรด์ และ/หรือ ไมนอกซิดิล ร่วมด้วยหลังปลูกผม เพื่อคงสภาพผมเดิมที่ไม่ได้ปลูก และอาจช่วยเสริมการเติบโตของผมที่ปลูก [11]
6. แชมพูยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- แชมพูยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole Shampoo): เป็นแชมพูยาต้านเชื้อรา แต่มีงานวิจัยบางส่วนชี้ว่าอาจมีฤทธิ์ต้านแอนโดรเจนเล็กน้อย และช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยลดผมร่วงได้ [12] มักใช้เป็นยาเสริม
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: เช่น Biotin, Zinc, Vitamin D, Iron, Saw Palmetto, Pumpkin Seed Oil เป็นต้น [13] สารเหล่านี้บางชนิดมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพผมโดยรวม และบางชนิดอาจมีฤทธิ์ยับยั้ง DHT อ่อนๆ (เช่น Saw Palmetto, Pumpkin Seed Oil) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนและเพียงพอที่จะยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้สามารถรักษาภาวะผมร่วงจากพันธุกรรมได้เท่ากับยาที่ได้รับการรับรอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ [13]
สรุป:แม้ ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) จะเป็นยาหลักในการรักษาผมร่วงจากพันธุกรรมในผู้ชาย แต่ก็มีทางเลือกอื่น ๆ ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพเช่นกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ความต้องการส่วนบุคคล และข้อจำกัดในการใช้ยาแต่ละชนิด การใช้ ไมนอกซิดิล (Minoxidil) ร่วมกับ ฟิแนสเทอไรด์ ถือเป็นมาตรฐานทองคำที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด หากไม่สามารถใช้ ฟิแนสเทอไรด์ ได้ ไมนอกซิดิล ชนิดทาก็เป็นทางเลือกแรก ๆ ที่ดี หรืออาจพิจารณา ดูทาสเตอไรด์ สำหรับเคสที่ต้องการผลลัพธ์ที่แรงกว่า หรือการรักษาเสริมอื่น ๆ เช่น PRP, LLLT หรือการปลูกผมในกรณีที่อาการรุนแรงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเสมอ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
คำแนะนำและข้อควรทราบที่สำคัญ: บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาผมร่วงนอกเหนือจากยา ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัย บำบัดรักษา หรือป้องกันโรค และไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ เภสัชกร หรือบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพได้ การตัดสินใจเลือกใช้การรักษาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเสมอ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของคุณ
ข้อมูลอ้างอิง
- Hims. (n.d.). Does Finasteride Work? A Comprehensive Guide to Hair Loss Treatment. Retrieved from https://www.hims.com/blog/are-finasteride-results-legit-what-the-average-man-can-expect
- American Academy of Dermatology Association. (n.d.). Male pattern hair loss: Diagnosis and treatment. Retrieved from https://www.aad.org/public/diseases/hair-loss/treatment/male-pattern-hair-loss-treatment
- Drugs.com. (n.d.). Finasteride vs Minoxidil for Hair Loss. Retrieved from https://www.drugs.com/compare/finasteride-vs-minoxidil
- Pobpad. (n.d.). ไมนอกซิดิล (Minoxidil) – สรรพคุณ, วิธีใช้, และผลข้างเคียง. Retrieved from https://www.pobpad.com/minoxidil
- WebMD. (n.d.). Oral Minoxidil for Hair Loss: Is It Right For You?. Retrieved from https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/hair-loss/oral-minoxidil-hair-loss
- DrHair. (n.d.). Dutasteride vs Finasteride: Which Works Best For Hair Loss?. Retrieved from https://drhair.co.uk/blog/dutasteride-vs-finasteride-which-works-best-for-hair-loss/
- Treatment Rooms London. (n.d.). Dutasteride for Hair Loss. Retrieved from https://www.treatmentroomslondon.com/hair-loss/dutasteride-hair-loss-everything-you-need-to-know/
- Johns Hopkins Medicine. (n.d.). Low-Level Laser Therapy (LLLT). Retrieved from https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/low-level-laser-therapy
- Bangkok Hair Clinic. (n.d.). Low-level Laser Therapy (LLLT). Retrieved from https://www.bangkokhairclinic.co.th/en/solution/low-level-laser-therapy-lllt/
- Johns Hopkins Medicine. (n.d.). Platelet-Rich Plasma (PRP) Injections. Retrieved from https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/plateletrich-plasma-prp-treatment
- Medispa India. (n.d.). Facts You Must Know About Male Hair Transplant. Retrieved from https://www.medispaindia.in/facts-you-must-know-about-male-hair-transplant/
- Corrie Street Medical Clinic. (n.d.). Does ketoconazole shampoo help with hair loss?. Retrieved from https://www.corriestmedicalclinic.com.au/does-ketoconazole-shampoo-help-with-hair-loss/
- Treatment Rooms London. (n.d.). Hair Loss Supplements for Men: What is Recommended?. Retrieved from https://www.treatmentroomslondon.com/hair/hair-loss-supplements-for-men-what-is-recommended/
เรียบเรียงโดย (Compiled by) : www.chulalakpharmacy.com