การใช้ยาฮอร์โมนไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นเรื่องของสุขภาพระยะยาวที่ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง การใช้ฮอร์โมนอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ยาฮอร์โมนคืออะไร?
ยาฮอร์โมนในบริบทของบุคคลข้ามเพศ หมายถึง ฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen + Anti-androgen) สำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากชายเป็นหญิง (MTF) และ ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) สำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย (FTM) ยาจะส่งผลต่อรูปร่าง ลักษณะทางกายภาพ และอารมณ์ให้ใกล้เคียงกับเพศที่ต้องการมากขึ้น เช่น เสียงเปลี่ยน หน้าอกโตขึ้น หรือขนตามร่างกายเพิ่มขึ้น
การใช้ฮอร์โมนในเพศหญิงเป็นชาย (FTM) สำหรับบุคคลที่ต้องการเปลี่ยนเพศจากหญิงเป็นชาย (FTM) จะใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพให้มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะส่งผลดังนี้
- การเพิ่มขนตามร่างกาย ขนบริเวณใบหน้า รักแร้ และตามร่างกายจะเพิ่มขึ้นและมีลักษณะเหมือนกับของผู้ชาย
- การเปลี่ยนแปลงเสียง เสียงจะทุ้มลึกลงเนื่องจากการเจริญเติบโตของกล่องเสียง
- การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ร่างกายจะพัฒนาให้มีกล้ามเนื้อ และลักษณะร่างกายที่แข็งแรงขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงไขมันสะสมในร่างกาย ไขมันที่สะสมในส่วนต่าง ๆ
กระบวนการนี้ใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน ในการเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง และบุคคลที่ใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจำเป็นต้องได้รับการติดตามจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความสมดุลของฮอร์โมน และลดความเสี่ยง เช่น ประเมินปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับภาวะเลือดข้น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง รวมถึงประเมินภาวะเสี่ยงต่อเส้นเลือดสมองและหัวใจเป็นต้น
การใช้ฮอร์โมนในเพศชายเป็นหญิง (MTF) สำหรับบุคคลที่ต้องการเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิง (MTF) จะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ร่วมกับยาเพื่อลดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกาย เพื่อสร้างลักษณะทางกายภาพที่มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งผลของการใช้เอสโตรเจนรวมถึง
- การพัฒนาเต้านม ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของเต้านม ทำให้มีลักษณะใกล้เคียงกับเพศหญิง
- การลดขนตามร่างกาย ขนบริเวณใบหน้าและร่างกายจะบางลงและเจริญเติบโตช้าลง
- การเปลี่ยนแปลงลักษณะไขมันสะสมในร่างกาย จะมีการเพิ่มการสะสมของไขมันบริเวณสะโพกต้นขา ต้นขา และหน้าอก ทำให้ร่างกายมีลักษณะที่เป็นเพศหญิงมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงผิวหนัง สิวลดลง ความมันบนใบหน้าลดลง
การใช้เอสโตรเจนจำเป็นต้องมีการติดตามผลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับขนาดการใช้ฮอร์โมนให้เหมาะสม และลดความเสี่ยง เช่น การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจ ปัญหาการทำงานของตับ
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการใช้ฮอร์โมน การใช้ฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศอาจมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่ต้องระวัง เช่น
- การเกิดลิ่มเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดดำ
- ปัญหาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด การใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดปัญหาหัวใจ เช่น โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะเลือดข้น
ข้อควรระวังในการใช้ยาฮอร์โมน
- ห้ามใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ติดตามผลเลือดและสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
- ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
- กระทบต่อสุขภาพจิต
- ภาวะเจริญพันธุ์และการวางแผนอนาคต
ข้อแนะนำสำหรับผู้เริ่มใช้ฮอร์โมน
- ควรเริ่มต้นด้วย ขนาดยาต่ำและค่อย ๆ ปรับเพิ่มภายใต้การดูแลของแพทย์
- อย่าหยุดยา หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- เลือกรับบริการจาก คลินิกเฉพาะทาง หรือสถานพยาบาลที่เข้าใจกลุ่มบุคคลข้ามเพศ
- ให้ความสำคัญกับ สุขภาพจิต เท่ากับสุขภาพกาย
หากท่านมีปัญหาสุขภาพ หรือต้องการปรึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์และการใช้ยาอย่างถูกวิธี สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่หน้าร้านขายยาจุฬาลักษณ์เภสัชทุกสาขา หรือใช้บริการให้คำปรึกษา ช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทางของเรานะคะ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
1.พญ.จารุวรรณ สังข์มาลา แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม โรงพยาบาลนวเวช
2.พญ.พุธชาต ล้ำเลิศกิตติกุล แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ สูติ-นรีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ทางเพศ
ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท
เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com