ประโยชน์ของแคลเซียม (Calcium) ที่จำเป็นต่อร่างกาย: ไม่ใช่แค่เรื่องกระดูก!
แคลเซียม (Calcium) คือแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ โดยกว่า 99% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน อีก 1% อยู่ในเลือด กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ แม้จะดูเล็กน้อย แต่แคลเซียมส่วนนี้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในหลายระบบ
ประโยชน์ของแคลเซียมต่อร่างกาย
1. เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
แคลเซียมคือองค์ประกอบหลักของกระดูกและฟัน มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตในวัยเด็กและการรักษาความหนาแน่นของกระดูกในวัยผู้ใหญ่ ป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักในผู้สูงอายุ
2. ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานปกติ
แคลเซียมมีบทบาทในการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ หากร่างกายขาดแคลเซียม อาจมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกหรือชาตามปลายมือปลายเท้า
3. ควบคุมการทำงานของหัวใจ
แคลเซียมช่วยในการส่งสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ เพื่อให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ และป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
4. จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด
แคลเซียมเป็นปัจจัยร่วมในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยให้เลือดหยุดไหลเมื่อเกิดบาดแผล
5. เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
แคลเซียมช่วยในการส่งสัญญาณประสาทจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ความจำ และการตอบสนองต่าง ๆ ของร่างกาย
ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำต่อวัน (RDI)
กลุ่มอายุ | ปริมาณที่แนะนำ |
เด็ก 1–8 ปี | 700–1,000 มก./วัน |
วัยรุ่น 9–18 ปี | 1,300 มก./วัน |
ผู้ใหญ่ 19–50 ปี | 1,000 มก./วัน |
ผู้หญิง >50 ปี / ชาย | 1,200 มก./วัน |
หญิงตั้งครรภ์ / ให้นมบุตร | 1,000–1,300 มก./วัน |
❗ หมายเหตุ: ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้นเมื่อได้รับร่วมกับวิตามินดี
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม
- ผลิตภัณฑ์จากนม: นม โยเกิร์ต ชีส
- ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งกระดูก: ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่ากระป๋อง
- ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า บรอกโคลี ผักโขม
- ธัญพืชและถั่วต่าง ๆ: ถั่วขาว งาดำ อัลมอนด์
- อาหารเสริมแคลเซียม และอาหารเสริมวิตามินรวมที่มีแคลเซียม
สัญญาณของการขาดแคลเซียม
- กล้ามเนื้อกระตุกหรือเป็นตะคริวบ่อย
- เล็บเปราะ ฟันผุ กระดูกหักง่าย
- อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยง่าย
- ภาวะกระดูกพรุนในระยะยาว
สรุป
แคลเซียมไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่อง “กระดูก” เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในระบบกล้ามเนื้อ หัวใจ เลือด และประสาทอย่างครบถ้วน การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงควบคู่กับวิตามินดี และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญของสุขภาพในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- National Institutes of Health – Office of Dietary Supplements (Calcium) https://ods.od.nih.gov/factsheets/Calcium-Consumer/
- Harvard T.H. Chan School of Public Health – Calcium https://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/calcium/
- Mayo Clinic – Calcium supplements: When should they be taken?https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/expert-answers/calcium-supplements/faq-20058238
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com