ประโยชน์ของแมงกานีส (Manganese) ที่สำคัญต่อร่างกาย
แมงกานีส (Manganese) เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางชีวเคมีหลายอย่าง โดยเฉพาะการเผาผลาญพลังงาน การสร้างกระดูก และการต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของแมงกานีสต่อร่างกาย
1. ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
แมงกานีสเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถใช้ได้
2. เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
แมงกานีสมีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกและกระดูกอ่อน อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
3. ช่วยสร้างคอลลาเจนและเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับผิวพรรณ
มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน และเอนไซม์ที่ช่วยในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และผิวหนังแข็งแรง
4. ต้านอนุมูลอิสระ
แมงกานีสเป็นองค์ประกอบสำคัญของเอนไซม์ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส (Mn-SOD) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากออกซิเดชัน
5. สนับสนุนการทำงานของสมองและระบบประสาท
มีบทบาทในการพัฒนาและรักษาการทำงานของสมองและระบบประสาท รวมถึงช่วยควบคุมอารมณ์
6. ส่งเสริมระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมน
แมงกานีสมีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนเพศ และการเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในเพศหญิง
อาการเมื่อขาดแมงกานีส
- กระดูกอ่อนแอหรือเจริญเติบโตช้า
- ภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย
- ปัญหาด้านความจำหรือระบบประสาท
- มีบาดแผลที่หายช้าหรือผิวแห้งแตก
- อาจมีภาวะไม่สมดุลของน้ำตาลในเลือด
แหล่งอาหารที่มีแมงกานีสสูง
- ถั่วเปลือกแข็ง (เช่น วอลนัต อัลมอนด์)
- เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดฟักทอง
- ธัญพืชเต็มเมล็ด (เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต)
- ผักใบเขียว (เช่น ผักโขม คะน้า)
- ชาเขียวและชาดำ
- สับปะรด
- เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
สรุป
แมงกานีสมีบทบาทหลากหลายตั้งแต่การเผาผลาญพลังงาน เสริมสร้างกระดูก ต้านอนุมูลอิสระ ไปจนถึงสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท แม้ต้องการในปริมาณน้อย แต่ขาดไม่ได้ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- National Institutes of Health (NIH) – Manganese: Fact Sheet for Health Professionals
- World Health Organization (WHO) – Trace Elements in Human Nutrition and Health
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com