ทำไมถึงปวดท้องเมนส์หนักมาก? สาเหตุที่ซ่อนอยู่และสัญญาณอันตรายที่คุณควรรู้!

ทำไมถึงปวดท้องเมนส์หนักมาก? สาเหตุที่ซ่อนอยู่และสัญญาณอันตรายที่คุณควรรู้ เพื่อสุขภาพที่ดีของมดลูก

อาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิงหลายคน แต่หากคุณกำลังประสบปัญหา “ปวดท้องเมนส์หนักมาก” จนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องกินยาแก้ปวดบ่อยๆ หรืออาการปวดแย่ลงเรื่อยๆ นี่อาจไม่ใช่แค่ “เรื่องปกติ” ที่ต้องทนอีกต่อไป! บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาการปวดประจำเดือนที่รุนแรง และสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

ปวดประจำเดือนปกติ vs. ปวดประจำเดือนผิดปกติ

  • ปวดประจำเดือนปกติ (Primary Dysmenorrhea): เกิดจากการที่มดลูกบีบตัวและมีการหลั่งสารพรอสตาแกลนดินมากเกินไป อาการปวดมักจะเริ่มต้นก่อนหรือพร้อมกับการมีประจำเดือน และจะดีขึ้นเมื่อประจำเดือนมาได้ 1-2 วัน ไม่ได้มีสาเหตุจากความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์
  • ปวดประจำเดือนผิดปกติ (Secondary Dysmenorrhea): เป็นอาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ อาจเริ่มปวดได้ตั้งแต่ช่วงกลางของรอบเดือน อาการปวดมักจะแย่ลงเรื่อยๆ และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกผิดปกติ

สาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาการปวดประจำเดือนรุนแรง (Secondary Dysmenorrhea)

หากคุณปวดประจำเดือนหนักมาก อาจมีสาเหตุมาจากภาวะเหล่านี้:

  1. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis): เป็นภาวะที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ที่รังไข่ ท่อนำไข่ หรือลำไส้ ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะยังคงมีการเจริญเติบโตและหลุดลอกตามรอบเดือน ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน และอาจส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก
  2. ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis): คล้ายกับ Endometriosis แต่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกจะไปเจริญเติบโตในผนังกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้ผนังมดลูกหนาตัวและขยายใหญ่ขึ้น มดลูกบีบตัวแรงขึ้น เกิดอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง และอาจมีเลือดออกมากผิดปกติ
  3. เนื้องอกในมดลูก (Uterine Fibroids): เป็นก้อนเนื้อที่เติบโตในผนังมดลูก มักไม่เป็นมะเร็ง เนื้องอกบางชนิดอาจทำให้มดลูกบีบตัวผิดปกติ หรือกดทับอวัยวะข้างเคียง ส่งผลให้เกิดอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง เลือดออกมากผิดปกติ และอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้องน้อย ท้องผูก หรือปัสสาวะบ่อย
  4. โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease – PID): เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายจากช่องคลอดหรือปากมดลูกไปยังมดลูก ท่อนำไข่ หรือรังไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ซึ่งอาจแย่ลงในช่วงมีประจำเดือน
  5. ความผิดปกติของปากมดลูกตีบ (Cervical Stenosis): เป็นภาวะที่ปากมดลูกแคบ ทำให้เลือดประจำเดือนไหลผ่านได้ยากขึ้น มดลูกจึงต้องบีบตัวหนักขึ้นเพื่อขับเลือดออก ก่อให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง

สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม และควรปรึกษาแพทย์ทันที!

หากคุณมีอาการปวดประจำเดือนร่วมกับสัญญาณเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม:

  • ปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรอบเดือน หรือปวดเพิ่มขึ้นตามอายุ
  • อาการปวดไม่ดีขึ้นด้วยยาแก้ปวดปกติ หรือต้องกินยาในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • มีเลือดประจำเดือนออกมากผิดปกติ หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่
  • มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
  • มีอาการปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะแสบขัด ปวดอุจจาระผิดปกติ อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
  • เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะมีบุตรยาก หรือสงสัยว่ามี

การปวดประจำเดือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องทนเสมอไป หากคุณมีอาการปวดที่รุนแรงหรือมีสัญญาณอันตรายที่กล่าวมาข้างต้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (สูตินรีแพทย์) คือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของมดลูกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคุณ.


ข้อมูลอ้างอิงสำหรับบทความ:

  1. American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG):
    • Dysmenorrhea: Painful Periods. (ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือนทั้งชนิดปฐมภูมิและทุติยภูมิ รวมถึงสาเหตุต่างๆ เช่น Endometriosis, Adenomyosis, Fibroids)
      • https://www.acog.org/womens-health/faqs/dysmenorrhea-painful-periods (หรือค้นหา “Dysmenorrhea” บนเว็บไซต์ ACOG)
    • Endometriosis. (ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Endometriosis)
      • https://www.acog.org/womens-health/faqs/endometriosis (หรือค้นหา “Endometriosis” บนเว็บไซต์ ACOG)
    • Uterine Fibroids. (ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้องอกในมดลูก)
      • https://www.acog.org/womens-health/faqs/uterine-fibroids (หรือค้นหา “Uterine Fibroids” บนเว็บไซต์ ACOG)
  2. Mayo Clinic:
    • Menstrual cramps. (ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสาเหตุและอาการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ)
      • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/menstrual-cramps/symptoms-causes/syc-20375093
    • Pelvic inflammatory disease (PID). (ข้อมูลเกี่ยวกับ PID และอาการ)
      • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pelvic-inflammatory-disease/symptoms-causes/syc-20352594
  3. National Institute of Child Health and Human Development (NICHD):
    • What are common symptoms of adenomyosis? (ข้อมูลเกี่ยวกับ Adenomyosis)
      • https://www.nichd.nih.gov/health/topics/adenomyosis/conditioninfo/symptoms

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี