ปัญหาผมร่วงในผู้ชาย ส่วนใหญ่เกิดจาก โรคผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน หรือที่เรียกว่า Male Pattern Baldness (MPB) หรือ Androgenetic Alopecia เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากและมักเริ่มต้นจากแนวไรผมที่ถอยร่นเป็นรูปตัว M หรือผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ (กระหม่อม) ซึ่งนอกจากปัจจัยหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การใช้ชีวิต และปัญหาสุขภาพ ที่เป็นตัวเร่งให้ผมร่วงเร็วขึ้น การเข้าใจกลไกของฮอร์โมนที่มีต่อรากผมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
กลไกของผมร่วงในผู้ชาย: ฮอร์โมน DHT คือตัวการหลัก
สาเหตุหลักของผมร่วงในผู้ชายคือการรวมกันของ พันธุกรรม และ ฮอร์โมน โดยมีกลไกสำคัญดังนี้:
- บทบาทของฮอร์โมน DHT:
- DHT (Dihydrotestosterone) เป็นอนุพันธ์ของฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณรากผม
- ในผู้ชายที่มีพันธุกรรมไวต่อฮอร์โมนนี้ (Sensitive Follicles) ฮอร์โมน DHT จะเข้าจับกับตัวรับ (Receptor) ที่รากผม
- การจับตัวนี้ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า Follicular Miniaturization คือ รากผมจะหดตัวเล็กลงเรื่อย ๆ วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่มีขนาดเล็ก บาง อ่อนแอ และมีสีจางลง จนกระทั่งรากผมหยุดผลิตเส้นผมในที่สุด
- พันธุกรรม:
- ประมาณ 80% ของภาวะผมร่วงในผู้ชายมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยีนตัวรับแอนโดรเจน (AR Gene) ที่ควบคุมความไวของรากผมต่อฮอร์โมน DHT หากคนในครอบครัว (ทั้งฝ่ายพ่อและแม่) มีประวัติผมร่วงหรือศีรษะล้าน ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะนี้
- ปัจจัยเสริมอื่น ๆ:
- ความเครียดรุนแรง/เรื้อรัง: อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะ Telogen Effluvium (ผมร่วงฉับพลันหลังเหตุการณ์ตึงเครียด) หรือเพิ่มระดับฮอร์โมนที่ส่งผลเสียต่อรากผม
- โรคและยาบางชนิด: เช่น ปัญหาต่อมไทรอยด์, โรคแพ้ภูมิตนเอง (Alopecia Areata), หรือยาบางประเภท (เช่น ยารักษาความดัน, ยาเคมีบำบัด)
- โภชนาการและการใช้ชีวิต: การขาดสารอาหารสำคัญ, การสูบบุหรี่จัด, และการนอนหลับไม่เพียงพอ ล้วนส่งผลให้รากผมอ่อนแอลง
5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทันทีเพื่อช่วยลดผมร่วง
การดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเพิ่ม DHT โดยไม่จำเป็น (Avoid Unnecessary DHT Increase)
- สิ่งที่ทำได้ทันที: ลดความเครียด และ นอนหลับให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่อาจเกี่ยวข้องกับการสร้าง DHT
- ทานอาหารที่มีโปรตีนและซิงก์สูง (Consume High Protein and Zinc)
- สิ่งที่ทำได้ทันที: ในทุกมื้ออาหาร ให้เน้นการรับประทาน โปรตีนคุณภาพดี (เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ไข่, ถั่ว) และอาหารที่มี ซิงก์ (เช่น หอยนางรม, เนื้อวัว, เมล็ดฟักทอง) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเส้นผมและช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน
- นวดหนังศีรษะเบาๆ เป็นประจำ (Regular Gentle Scalp Massage)
- สิ่งที่ทำได้ทันที: นวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้วมือ เบา ๆ วันละ 5-10 นาที ขณะสระผมหรือตอนว่าง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผม ซึ่งช่วยให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่อ่อนโยน (Use Gentle Hair Products)
- สิ่งที่ทำได้ทันที: เลือกใช้แชมพูที่ ไม่มีสารเคมีรุนแรง หรือแชมพูสูตรที่ช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงในการจัดแต่งทรงผมบ่อยครั้ง
- ปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเมื่อเริ่มมีอาการ (Consult a Doctor ASAP)
- สิ่งที่ทำได้ทันที: เมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่า แนวผมถอยร่น หรือ ผมบริเวณกระหม่อมบางลงอย่างเห็นได้ชัด ให้รีบปรึกษา แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางด้านเส้นผม เพราะการรักษาด้วยยา (เช่น Finasteride หรือ Minoxidil) ในระยะเริ่มต้นจะได้ผลดีที่สุด
- สิ่งที่ทำได้ทันที: เมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่า แนวผมถอยร่น หรือ ผมบริเวณกระหม่อมบางลงอย่างเห็นได้ชัด ให้รีบปรึกษา แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางด้านเส้นผม เพราะการรักษาด้วยยา (เช่น Finasteride หรือ Minoxidil) ในระยะเริ่มต้นจะได้ผลดีที่สุด
อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน
อาหารเสริมและการดูแลเสริมที่ได้รับความสนใจว่าอาจช่วยลดผลกระทบของ DHT ได้:
- สารสกัดจากปาล์มใบเลื่อย (Saw Palmetto): เป็นสมุนไพรที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็น DHT จึงอาจช่วยชะลอการหลุดร่วงของผมที่เกิดจาก DHT ได้ (ควรปรึกษาแพทย์)
- น้ำมันเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Oil): มีการศึกษาที่พบว่าการรับประทานน้ำมันเมล็ดฟักทองอาจช่วยเพิ่มจำนวนเส้นผมได้ ซึ่งเชื่อว่ามาจากคุณสมบัติในการยับยั้ง DHT และการบำรุงเส้นผม
- ไบโอติน (Biotin): แม้ว่าจะไม่ได้ยับยั้ง DHT โดยตรง แต่ไบโอตินช่วยในการสังเคราะห์เคราติน ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่แข็งแรง ไม่เปราะขาดง่าย
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
- การใช้ยา Finasteride: เป็นยารับประทานที่ใช้สำหรับผู้ชายเท่านั้น มีประสิทธิภาพสูงในการลดระดับ DHT แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบสืบพันธุ์ได้
- การใช้ Minoxidil: เป็นยาใช้ภายนอก (รูปแบบน้ำหรือโฟม) ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะและยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม สามารถใช้ร่วมกับ Finasteride ได้
- อย่าเชื่อผลิตภัณฑ์ที่อ้างสรรพคุณเกินจริง: การรักษาผมร่วงต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง และมักต้องใช้ยาที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ร่วมกับการปรับพฤติกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจทำให้เสียเวลาและโอกาสในการรักษา

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. หัว จ๋า…ผม ลา ก่อน. [1]
- Endotext. Male Androgenetic Alopecia. (บทบาทของพันธุกรรมและฮอร์โมน) [2]
- Cleveland Clinic. DHT (Dihydrotestosterone) and Male Pattern Baldness (Androgenic Alopecia). [3]
- BDMS Wellness Clinic. เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผมร่วงในผู้ชาย พร้อมหลากหลายวิธีแก้! [4]
- Healthline. DHT: How It Causes Hair Loss and How to Slow It. (ข้อมูล Biotin) [5]
- American Academy of Dermatology Association (AAD). Hair loss: Diagnosis and treatment. (แนวทางการรักษา) [6]
เรียบเรียงโดย (Compiled by) : www.chulalakpharmacy.com