“ภาวะหมดไฟ” มีจุดเริ่มต้นจากการทำงานที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ และยังไม่สามารถยอมรับผลงานที่เกิดขึ้นได้ หากปล่อยไว้นานจะยิ่งมีความเสี่ยง ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เมื่อเกิดภาวะนี้จึงต้องรีบพักผ่อน ปรับตัว และหาทางออกร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน หากรีบมองกลับมาถึงสาเหตุของปัญหาแล้วปรับตัวได้เร็ว อาจจะช่วยแก้ไขภาวะหมดไฟได้เร็วยิ่งขึ้น
🔥ภาวะหมดไฟในการทำงาน คืออะไร
เป็นสภาวะด้านจิตใจที่เกิดจากความเหนื่อยล้า หรือเกิดจากความเครียดจากการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของงานลดลง ไม่มีแรงผลักดันให้อยากทำงานต่อ และเริ่มมีความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ ในบางรายอาจส่งผลให้ไม่ต้องการพบเจอใคร และมีโอกาสพัฒนากลายเป็น “โรคซึมเศร้า” ในที่สุดหากสิ่งแวดล้อมไม่ดีขึ้น หรืออยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้บ่อยครั้ง ภาวะนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ICD โดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นโรคทางสุขภาพจิตที่ควรได้รับการรักษา
🧪สาเหตุของ Burnout Syndrome มาจากอะไร?
🔬ความเครียดจากการทำงาน
- ภาระงานที่มากเกินไป : การทำงานที่ต้องใช้เวลานานและมีความเครียดสูง
- การขาดการสนับสนุนจากองค์กร : การไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงาน
- ความคาดหวังที่สูงเกินไป : การตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไปหรือการต้องการทำงานให้สมบูรณ์แบบ
- สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดี : ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน การขาดการสื่อสารที่ดี
👨ปัจจัยส่วนบุคคล
- การขาดสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน : การให้ความสำคัญกับงานมากเกินไปและไม่มีเวลาพักผ่อน
- การขาดทักษะในการจัดการความเครียด : การไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตั้งความคาดหวังจากตนเองที่สูงเกินไป : การต้องการทำงานให้สมบูรณ์แบบเสมอ
🩺อาการของภาวะหมดไฟ
อาการของ Burnout สามารถแสดงออกได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น:
- รู้สึกหมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้ในตอนเช้า
- ขาดแรงจูงใจในการทำงาน ไม่รู้สึกภูมิใจในผลงานตัวเอง
- หงุดหงิดง่าย ไม่อดทนเหมือนเดิม
- รู้สึกว่าทำอะไรก็ไร้ความหมาย
- ปวดหัว ปวดเมื่อยเรื้อรัง หรือมีปัญหาในการนอนหลับ
- เริ่มหลีกเลี่ยงงาน หรือมีความคิดอยากลาออกบ่อยขึ้น

💊การป้องกันภาวะหมดไฟจากการทำงาน
การป้องกันที่ดีที่สุดคือ “การรู้ทันตนเอง” และสร้างสมดุลในชีวิต ดังนี้:
1. จัดสมดุลชีวิต–การทำงาน (Work-Life Balance)
- แบ่งเวลาให้กับครอบครัว งานอดิเรก และการพักผ่อน
- อย่าให้งานเข้ามาแทนที่ชีวิตส่วนตัว
2. เรียนรู้ที่จะ “ปฏิเสธ”
- อย่ารับงานเกินกำลัง หรืองานที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบโดยตรงหากคุณยังไม่พร้อม
3. สื่อสารกับหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงาน
- หากรู้สึกว่างานหนักเกินไป ควรเปิดใจพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
4. ดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ฝึกสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้
5. รู้จักสังเกตตัวเอง
- ถ้ารู้สึกผิดปกติต่อเนื่องหลายวัน หรือไม่มีความสุขกับงานเลย ควรพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
หากรู้สึกหมดไฟในการทำงาน เครียด หรือหดหู่มาก ๆ การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างที่ไว้ใจและเข้าใจ เพื่อพูดคุย ระบายความเครียด จะช่วยบรรเทาอาการของภาวะ Burnout Syndrome ได้ แต่หากรู้สึกว่าอาการมีความรุนแรง และไม่สามารถรับมือได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
หากท่านมีปัญหาสุขภาพ หรือต้องการปรึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์และการใช้ยาอย่างถูกวิธี สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่หน้าร้านขายยาจุฬาลักษณ์เภสัชทุกสาขา หรือใช้บริการให้คำปรึกษา ช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทางของเรานะคะ
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- นพ. อโณทัย สุ่นสวัสดิ์ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
- นพ. เจตน์ปิยะ อ้นมี โรงพยาบาลพิษณุเวช
เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com