ทำความเข้าใจภาวะไขมันในเลือดสูงอย่างละเอียด! เรียนรู้ประเภทของไขมัน, สาเหตุหลัก, สัญญาณอันตราย (แม้ไม่ชัดเจน), แนวทางการวินิจฉัย, นวัตกรรมการรักษาด้วยยาและปรับพฤติกรรม พร้อมวิธีป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
หัวข้อสำคัญ
Toggle
ภาวะไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) คืออะไร?
ภาวะไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) คือภาวะที่ระดับไขมันชนิดต่างๆ ในเลือดมีความผิดปกติไปจากเกณฑ์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นระดับไขมันรวม (Total Cholesterol), ไขมัน LDL-C (Low-Density Lipoprotein Cholesterol) หรือที่เรียกว่า “ไขมันเลว” สูงเกินไป, ระดับไขมัน HDL-C (High-Density Lipoprotein Cholesterol) หรือ “ไขมันดี” ต่ำเกินไป, หรือระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) สูงเกินไป
ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์และฮอร์โมน แต่หากมีมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันเลว (LDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือดแดง ก่อให้เกิดเป็น คราบพลัค (Plaque) และนำไปสู่ภาวะ หลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของโรคอันตตรายต่างๆ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด (Coronary Artery Disease), โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และ โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (Peripheral Artery Disease) ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็น “ภัยเงียบ” เพราะมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการคัดกรองและควบคุมภาวะนี้
1. ประเภทของไขมันในเลือดและการประเมินค่า
การทำความเข้าใจประเภทของไขมันในเลือดเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา:
- 1.1 คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol): คือปริมาณคอเลสเตอรอลทั้งหมดในเลือด ค่าปกติควรน้อยกว่า 200 mg/dL
- 1.2 ไขมัน LDL-C (Low-Density Lipoprotein Cholesterol) หรือ “ไขมันเลว”:
- ทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลจากตับไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย หากมีปริมาณมากเกินไปจะไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตันได้ง่าย
- เป้าหมายของ LDL-C: ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ: น้อยกว่า 130 mg/dL
- ผู้ที่มีความเสี่ยงปานกลาง: น้อยกว่า 100 mg/dL
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น มีโรคหัวใจ, เบาหวาน): น้อยกว่า 70 mg/dL
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงมาก (เช่น เคยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดซ้ำ): น้อยกว่า 55 mg/dL
- 1.3 ไขมัน HDL-C (High-Density Lipoprotein Cholesterol) หรือ “ไขมันดี”:
- ทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลส่วนเกินจากเซลล์กลับไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย จึงช่วยป้องกันการเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง
- ยิ่งสูงยิ่งดี: ควรมากกว่า 40 mg/dL ในเพศชาย และมากกว่า 50 mg/dL ในเพศหญิง
- 1.4 ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides):
- เป็นไขมันอีกชนิดหนึ่งที่ร่างกายใช้เป็นแหล่งพลังงานหลัก พบมากในอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน หากมีปริมาณสูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและตับอ่อนอักเสบได้
- ค่าปกติ: ควรน้อยกว่า 150 mg/dL

2. สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของภาวะไขมันในเลือดสูง: ทำไมไขมันถึงสูง?
ภาวะไขมันในเลือดสูงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้และปัจจัยที่ควบคุมได้:
- 2.1 พันธุกรรม (Genetics): บางคนอาจมีพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายสร้างไขมันคอเลสเตอรอลสูงผิดปกติ หรือมีปัญหาในการกำจัดไขมันออกจากร่างกาย
- 2.2 การรับประทานอาหาร (Diet):
- การบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง (Saturated Fat) เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน, หนังสัตว์, ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง, เนย
- การบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง (Trans Fat) เช่น เบเกอรี่, ขนมขบเคี้ยว, อาหารฟาสต์ฟู้ด (ปัจจุบันมีการควบคุมการใช้ไขมันทรานส์ในอาหารมากขึ้น)
- การบริโภคอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง (Cholesterol) เช่น เครื่องในสัตว์, ไข่แดง (แต่มีผลน้อยกว่าไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์)
- การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง (Sugar and Refined Carbohydrates) โดยเฉพาะในปริมาณมาก ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น
- 2.3 ขาดการออกกำลังกาย (Lack of Physical Activity): การไม่ออกกำลังกายจะลดระดับ HDL-C และเพิ่ม LDL-C และไตรกลีเซอไรด์
- 2.4 โรคอ้วน (Obesity): ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน มักมีระดับ LDL-C และไตรกลีเซอไรด์สูง และ HDL-C ต่ำ
- 2.5 การสูบบุหรี่ (Smoking): ทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้ไขมันเกาะติดง่ายขึ้น และลดระดับ HDL-C
- 2.6 การดื่มแอลกอฮอล์ (Alcohol Consumption): การดื่มมากเกินไป โดยเฉพาะเบียร์ อาจทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น
- 2.7 อายุและเพศ: ระดับคอเลสเตอรอลมักสูงขึ้นตามอายุ ในเพศหญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนมักมี HDL-C สูงกว่า แต่หลังวัยหมดประจำเดือนระดับ LDL-C มักสูงขึ้น
- 2.8 โรคประจำตัวบางชนิด: เช่น โรคเบาหวาน, โรคไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism), โรคไตเรื้อรัง, โรคตับ
- 2.9 การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาขับปัสสาวะบางประเภท, ยาสเตียรอยด์, ยาคุมกำเนิดบางชนิด
3. การวินิจฉัยภาวะไขมันในเลือดสูง: รู้ตัวก่อนสายเกินไป
ภาวะไขมันในเลือดสูงมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน ผู้ป่วยจะรู้ได้จากการตรวจเลือดเท่านั้น การวินิจฉัยทำได้โดย:
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย (Clinical History and Physical Exam): สอบถามประวัติครอบครัว, พฤติกรรมการกิน, การออกกำลังกาย, และโรคประจำตัว
- การตรวจเลือด (Blood Test): เป็นวิธีหลักในการวินิจฉัย
- การตรวจไขมันในเลือด (Lipid Profile): ต้องงดอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นน้ำเปล่า) อย่างน้อย 9-12 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อให้ได้ค่าไตรกลีเซอไรด์ที่แม่นยำ การตรวจจะวัดระดับ Total Cholesterol, LDL-C, HDL-C, และ Triglycerides
- ความถี่ในการตรวจ: ผู้ใหญ่ทุกคนควรตรวจระดับไขมันในเลือดอย่างน้อยทุก 5 ปี หากมีปัจจัยเสี่ยงหรือมีระดับไขมันผิดปกติ อาจต้องตรวจบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์

4. เภสัชจุลศาลและนวัตกรรมการแพทย์: แนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูง
เป้าหมายหลักของการรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงคือ การลดระดับไขมันที่ไม่ดี (LDL-C, Triglycerides) และเพิ่มระดับไขมันดี (HDL-C) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การรักษาจะประกอบด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่กับการใช้ยา
4.1 ยาที่ใช้รักษาภาวะไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia Medications)
การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
- ยากลุ่ม Statins:
- เป็นยาหลักที่ใช้ในการลดระดับ LDL-C และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำงานโดยยับยั้งเอนไซม์ในตับที่สร้างคอเลสเตอรอล
- ตัวอย่างยี่ห้อที่พบบ่อยในไทย: Atorvastatin (เช่น Lipitor), Rosuvastatin (เช่น Crestor), Simvastatin (เช่น Zocor)
- ยากลุ่ม Fibrates:
- ใช้หลักในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมาก และอาจช่วยเพิ่ม HDL-C เล็กน้อย
- ตัวอย่างยี่ห้อที่พบบ่อยในไทย: Fenofibrate (เช่น Lipanthyl), Gemfibrozil
- ยากลุ่ม Cholesterol Absorption Inhibitors:
- ยาเช่น Ezetimibe (เช่น Ezetrol) ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ มักใช้ร่วมกับ Statins
- ยาเช่น Ezetimibe (เช่น Ezetrol) ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ มักใช้ร่วมกับ Statins
- กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids):
- รูปแบบยาเม็ด (Prescription Omega-3) ใช้สำหรับลดไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมาก เมื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่เพียงพอ
- รูปแบบยาเม็ด (Prescription Omega-3) ใช้สำหรับลดไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมาก เมื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่เพียงพอ
- ยากลุ่ม PCSK9 Inhibitors:
- เป็นยาฉีดกลุ่มใหม่ (Biologic Therapy) สำหรับผู้ป่วยที่มี LDL-C สูงมาก หรือไม่สามารถทนยา Statins ได้ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจสูงมาก ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มจำนวนตัวรับ LDL-C ที่ตับ ทำให้กำจัด LDL-C ออกจากกระแสเลือดได้มากขึ้น
- ตัวอย่างยี่ห้อที่กำลังเข้าสู่ตลาด/มีใช้ในบางประเทศ: Evolocumab (เช่น Repatha), Alirocumab (เช่น Praluent)
ข้อควรระวังสำคัญ: ข้อมูลยาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างและเพื่อการศึกษาเท่านั้น การใช้ยาใดๆ ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ห้ามซื้อยาหรือปรับขนาดยาเองเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
4.2 นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อการดูแลไขมันในเลือด
- การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และเภสัชพันธุศาสตร์ (Pharmacogenomics): การศึกษาพันธุกรรมของผู้ป่วยเพื่อทำความเข้าใจว่าร่างกายตอบสนองต่อยาไขมันอย่างไร และเลือดยาที่เหมาะสมที่สุด
- การพัฒนาวัคซีนป้องกันไขมันในเลือดสูง: อยู่ในขั้นวิจัย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลดระดับไขมันที่ไม่ดี
- อุปกรณ์ตรวจวัดระดับไขมันแบบพกพา: เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถติดตามระดับไขมันของตนเองได้สะดวกยิ่งขึ้น
5. การดูแลตัวเองและแนวทางการป้องกัน: ลดไขมันร้าย เพิ่มไขมันดี
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการและป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง:
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ (Heart-Healthy Diet):
- ลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์: เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ปลา, สัตว์ปีกไร้หนัง, ผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนย
- เพิ่มไขมันดี: เลือกน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันคาโนล่า, และรับประทานถั่ว, เมล็ดพืช, อะโวคาโด
- เพิ่มใยอาหาร (Soluble Fiber): พบในข้าวโอ๊ต, ถั่วต่างๆ, ผักและผลไม้บางชนิด ซึ่งช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล
- ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี: เพื่อลดระดับไตรกลีเซอไรด์
- บริโภคปลาที่มีไขมันสูง: เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทู, ปลาซาร์ดีน อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อรับ Omega-3
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ในระดับความเข้มข้นปานกลาง หรือ 75 นาทีในระดับความเข้มข้นสูง ช่วยเพิ่ม HDL-C และลด LDL-C และไตรกลีเซอไรด์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม: การลดน้ำหนักตัวช่วยลดระดับ LDL-C และไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่ม HDL-C
- เลิกสูบบุหรี่: การเลิกบุหรี่ช่วยเพิ่ม HDL-C และลดความเสียหายของหลอดเลือด
- จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์: ลดความเสี่ยงในการเกิดไตรกลีเซอไรด์สูง
- ตรวจสุขภาพประจำปี: โดยเฉพาะการตรวจระดับไขมันในเลือด เพื่อคัดกรองและเฝ้าระวัง
6. การดูแลรักษาและใช้ชีวิตอยู่กับภาวะไขมันในเลือดสูง: เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง
การจัดการภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาว:
- ปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด: รับประทานยาตามที่กำหนด ไม่หยุดยาเอง และไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง: เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของการควบคุมไขมันในเลือด
- ควบคุมโรคประจำตัว: เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงอย่างเคร่งครัด
- ปรึกษานักโภชนาการ: เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
- เฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา: เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อจากยา Statins หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์
- ติดตามผลการตรวจเลือด: เพื่อดูประสิทธิภาพของการรักษาและปรับแผนหากจำเป็น
สรุป: ไขมันในเลือดสูงจัดการได้ เพื่อชีวิตที่ปราศจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นภัยเงียบที่ไม่มีอาการชัดเจน แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดร้ายแรง การตระหนักรู้ถึงปัจจัยเสี่ยง การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม และการใช้ยาอย่างถูกต้องภายใต้คำแนะนำของ เภสัชกร และแพทย์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก นวัตกรรมการแพทย์ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ข้อมูลอ้างอิงและข้อควรระวังสำคัญ:
- ข้อควรระวังสำคัญ: ข้อมูลยาและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่กล่าวมาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น การวินิจฉัยภาวะ การเลือกวิธีการรักษา หรือการใช้ยาใดๆ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ห้ามวินิจฉัยภาวะด้วยตนเอง หรือซื้อยาและเลือกการรักษาโดยไม่ปรึกษาแพทย์เด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ แพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยง
แหล่งอ้างอิง:
- สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2565). แนวทางการวินิจฉัยและรักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: (โปรดระบุลิงก์เว็บไซต์ของสมาคมฯ หรือหน้าคู่มือที่เกี่ยวข้อง)
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2565). คู่มือการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคนไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: (โปรดระบุลิงก์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นหากมี)
- โรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทย (เช่น โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลรามาธิบดี). บทความให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะไขมันในเลือดสูง. (ยกตัวอย่างบทความจากโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ)
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.). ข้อมูลยาที่ได้รับอนุมัติในประเทศไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: (โปรดระบุลิงก์ที่เกี่ยวข้องหากต้องการ เช่น ฐานข้อมูลยา)
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com