ยาที่ใช้รักษาโรคเชื้อราที่ผิวหนัง คือยาที่ออกฤทธิ์ ฆ่าเชื้อ (Fungicidal) หรือ ยับยั้งการเจริญเติบโต (Fungistatic) ของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรค (เช่น กลาก, เกลื้อน, สังคัง) โดยยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์หลักด้วยการ ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อรา (Ergosterol) ทำให้เชื้อราตายหรือไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ ยาจะแบ่งออกเป็น ชนิดทา สำหรับการติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นนอกที่ไม่รุนแรง และ ชนิดรับประทาน สำหรับการติดเชื้อที่รุนแรง กว้างขวาง หรือติดเชื้อที่เล็บ/หนังศีรษะ
รายละเอียด: การจัดกลุ่มยาที่ใช้บ่อย
ยาต้านเชื้อราที่ผิวหนังสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ตามรูปแบบการใช้และประสิทธิภาพ:
1. ยาต้านเชื้อราชนิดทาภายนอก (Topical Antifungals)
ใช้เป็นทางเลือกแรกสำหรับการติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นนอกที่จำกัดบริเวณ มักทาวันละ $1-2$ ครั้ง ติดต่อกัน $2-4$ สัปดาห์ [3]
| กลุ่มยา | ตัวยาสำคัญที่พบบ่อย | กลไกการออกฤทธิ์หลัก | ข้อบ่งใช้หลัก |
|---|---|---|---|
| Azoles | Clotrimazole (คาเนสเทน), Ketoconazole (นิโซรอล), Miconazole | ยับยั้งการสังเคราะห์ Ergosterol ในผนังเซลล์เชื้อรา [1] | กลาก, เกลื้อน, สังคัง, น้ำกัดเท้า, เชื้อราแคนดิดา |
| Allylamines | Terbinafine (ลามิซิล) | ฆ่าเชื้อราโดยตรงด้วยการยับยั้งเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการสร้างผนังเซลล์ [3.1] | กลาก, สังคัง, น้ำกัดเท้า (ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง) |
| สารอื่น ๆ | Selenium Sulfide | ลดการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia | เกลื้อน และรังแคจากเชื้อรา |
2. ยาต้านเชื้อราชนิดรับประทาน (Oral Antifungals)
สงวนไว้สำหรับกรณีที่อาการรุนแรง, แพร่กระจายกว้าง, ดื้อต่อยาทา, หรือติดเชื้อที่เล็บ/หนังศีรษะ (ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์) [3.1]
| ตัวยาสำคัญ | กลไกการออกฤทธิ์หลัก | ข้อบ่งใช้หลัก | ข้อควรระวังสำคัญ |
|---|---|---|---|
| Terbinafine | ฆ่าเชื้อราโดยตรง | กลาก, สังคังที่รุนแรง, เชื้อราที่เล็บ (เป็นยาที่เลือกใช้บ่อยที่สุด) | อาจมีผลต่อตับ, ปวดศีรษะ, ปัญหาทางเดินอาหาร [2] |
| Itraconazole | ยับยั้งการสังเคราะห์ผนังเซลล์ | เชื้อราที่เล็บ, เกลื้อนที่รุนแรง, การติดเชื้อราลึก | อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นหลายชนิด, มีผลต่อตับ [2] |
| Fluconazole | ยับยั้งการสังเคราะห์ผนังเซลล์ | เชื้อราแคนดิดา, เกลื้อนรุนแรง | มีปฏิกิริยากับยาอื่น, อาจมีผลต่อตับ |
กลไกการออกฤทธิ์ผ่านพฤติกรรม: การใช้ยาให้ได้ผล
การรักษาเชื้อราที่ผิวหนังต้องใช้ความเข้าใจและวินัยในการใช้ยาตามกลไกที่เชื้อโรคถูกทำลาย:
- การทำลายผนังเซลล์ (Cell Wall Disruption): ผู้ป่วยต้องทายาให้ครอบคลุมรอยโรค และบริเวณรอบ ๆ เพราะเชื้อราอาจมีการแพร่กระจายโดยไม่แสดงอาการ เพื่อให้ยาเข้าไปทำลายผนังเซลล์เชื้อราได้ทั่วถึง
- ความคงอยู่ของยา: ต้องใช้ยาอย่าง ต่อเนื่อง ตามระยะเวลาที่กำหนด (แม้รอยโรคจะหายไปแล้ว) เพราะเชื้อราบางส่วนอาจยังหลงเหลืออยู่ใต้ผิวหนัง การหยุดยาเร็วเกินไปจะทำให้เชื้อที่เหลือเติบโตขึ้นใหม่และเกิดการกลับเป็นซ้ำ
5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทันทีเพื่อใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ทายาให้ถูกจุด: ทายาให้ครอบคลุมรอยโรคและเลยออกไปบนผิวหนังปกติรอบ ๆ รอยโรคอย่างน้อย 1-2 เซนติเมตร
- ล้างและทำให้แห้ง: ก่อนทายา ควรทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่เป็นและ เช็ดให้แห้งสนิท เพราะความชื้นลดประสิทธิภาพของยา
- ทาต่อหลังอาการหาย: หากเป็นกลากหรือสังคัง ควรทายาต่ออีกอย่างน้อย $1-2$ สัปดาห์ หลังอาการภายนอกหายไปแล้ว เพื่อกำจัดเชื้อที่ซ่อนอยู่ทั้งหมด [3.3]
- ป้องกันการกลับเป็นซ้ำ: หากเป็นเกลื้อน ควรใช้แชมพูยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole หรือ Selenium Sulfide ชโลมผิวเป็นครั้งคราว (เช่น เดือนละ 1 ครั้ง) เพื่อควบคุมเชื้อ
- ห้ามใช้ยาผสมสเตียรอยด์ (ที่ไม่จำเป็น): ยาบางชนิดผสมสเตียรอยด์ (เช่น Travocort, Ecosone, Daktacort) ช่วยลดอาการคันและอักเสบได้เร็ว แต่ถ้าใช้โดด ๆ หรือนานเกินไป อาจทำให้การติดเชื้อราแย่ลงหรือแพร่กระจายมากขึ้นได้ [3.2]
อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน
- Zinc (สังกะสี): ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยในการซ่อมแซมผิวหนัง
- Probiotics: ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกันผิวหนังในการต่อสู้กับเชื้อรา
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยากิน: ยากินต้านเชื้อรามีผลข้างเคียงต่อตับที่รุนแรง จึงต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นและความปลอดภัย รวมถึงการตรวจเลือดติดตามผล
- ห้ามใช้ยาร่วมกัน: เนื่องจากเชื้อราที่ผิวหนังติดต่อได้ง่าย ห้ามใช้ยาทา ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น
ยี่ห้อยาที่มีส่วนประกอบในไทย (ตัวอย่าง)
- Clotrimazole: Canesten, Clotrim
- Ketoconazole: Nizoral (ครีม/แชมพู), Ketoclean
- Terbinafine: Lamisil, Funginox
- Bifonazole: Canesten O.D.
แหล่งซื้อยา (ระบุว่าต้องมีใบสั่งแพทย์)
- ยาทา (OTC): สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (ปรึกษาเภสัชกร)
- ยาชนิดรับประทาน: จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น และต้องรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากมีข้อควรระวังสูง

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- HDmall.co.th. ยาต้านเชื้อรา (Antifungal Drug). [ข้อมูลกลไกการออกฤทธิ์และกลุ่มยา Azoles]
- โรงพยาบาลสินแพทย์. โรคเชื้อรา คืออะไร เกิดจากอะไร มีกี่ประเภท พร้อมวิธีรักษา. [ข้อมูลยาชนิดรับประทาน]
- ราชวิทยาลัยแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย. โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา. [ข้อมูลการทายาและชนิดของยา]
- ส่องสรรพคุณไบโฟนาโซล ครีมยาฆ่าเชื้อราบนผิวหนัง. Canesten.co.th. [ข้อมูล Bifonazole]
เรียบเรียงโดย (Compiled by) : www.chulalakpharmacy.com








