ยาริดสีดวงทวาร เลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย?

ยาริดสีดวงทวาร: เลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย?

เมื่ออาการริดสีดวงทวารเริ่มสร้างความรำคาญใจ การมองหา ยาริดสีดวง เพื่อบรรเทาอาการคือทางออกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง ตลาดมียาริดสีดวงหลายประเภท ทั้งยาชนิดทา ยาเหน็บ หรือยาเม็ด แต่จะเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับอาการและปลอดภัย? การทำความเข้าใจประเภทของยาและวิธีการเลือกใช้ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องยาริดสีดวง เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมั่นใจครับ

รู้จักประเภทของยาริดสีดวงทวาร

ยาริดสีดวงทวารส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดอาการปวด คัน บวม หรือลดการอักเสบ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ดังนี้:

1. ยาทาหรือยาเหน็บ (Topical creams/ointments and Suppositories)

  • ประเภท: ยาทาและยาเหน็บเป็นรูปแบบที่นิยมใช้มากที่สุด ออกฤทธิ์เฉพาะที่บริเวณทวารหนัก
  • ส่วนประกอบและสรรพคุณ:
    • ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthetics): เช่น Lidocaine, Benzocaine ช่วยลดอาการปวดและชา [1]
    • สเตียรอยด์ (Corticosteroids): เช่น Hydrocortisone ช่วยลดการอักเสบ บวม และคัน [2] ควรใช้ในระยะเวลาสั้นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
    • สารช่วยปกป้องผิว (Protectants): เช่น Zinc Oxide, Petroleum jelly ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง และส่งเสริมการสมานแผล
    • สารอื่นๆ: เช่น Witch Hazel (ช่วยลดการบวมและคัน), Phenylephrine (ช่วยให้หลอดเลือดหดตัว)
  • เหมาะสำหรับ: ริดสีดวงภายนอก และริดสีดวงภายในระยะเริ่มต้นที่มีอาการปวด คัน บวม หรือมีเลือดออกเล็กน้อย

ตัวอย่างยาเหน็บ

2. ยาเม็ดรับประทาน (Oral Medications)

  • ประเภท: ยาเม็ดที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด หรือช่วยลดอาการบวม
  • ส่วนประกอบและสรรพคุณ:
    • ยาแก้ปวด (Pain Relievers): เช่น Paracetamol, Ibuprofen ช่วยลดอาการปวดจากริดสีดวง [3]
    • ยาที่ช่วยลดการบวมและเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด (Phlebotonics/Flavonoids): เช่น Diosmin, Hesperidin ซึ่งอาจช่วยลดอาการบวม การอักเสบ และเสริมความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ทำให้ลดโอกาสการเลือดออกและอาการคั่งของเลือดในริดสีดวงได้ [4]
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีอาการปวดมาก หรือต้องการลดอาการบวมและอักเสบจากภายใน

ตัวอย่างยากินแก้ริดสีดวง

3. ยาระบาย (Laxatives)

  • ประเภท: ยาที่ช่วยให้อุจจาระนิ่มลง ขับถ่ายง่ายขึ้น เพื่อลดการเบ่งที่อาจทำให้อาการริดสีดวงแย่ลง
  • สรรพคุณ:
    • ยากลุ่มเพิ่มกากใย (Bulk-forming laxatives): เช่น Psyllium husk, Methylcellulose ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระนิ่ม [5]
    • ยากลุ่มทำให้อุจจาระนิ่ม (Stool softeners): เช่น Docusate Sodium ช่วยเพิ่มความชื้นในอุจจาระ
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีอาการท้องผูกร่วมด้วย และต้องการป้องกันไม่ให้อาการริดสีดวงกำเริบจากท้องผูก

ตัวอย่างยาระบาย

เลือกใช้ยาอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย?

การเลือกใช้ยาริดสีดวงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย:

  1. ปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา: นี่คือขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด เภสัชกร จะช่วยประเมินอาการเบื้องต้นของคุณ และแนะนำ ยาริดสีดวง ที่เหมาะสมกับประเภทและระยะของอาการ รวมถึงวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องและข้อควรระวังต่างๆ
  2. อ่านฉลากยาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด: ไม่ว่าจะเป็นยาทา ยาเหน็บ หรือยาเม็ด ควรอ่านเอกสารกำกับยาและปฏิบัติตามขนาดและวิธีการใช้ที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาเกินขนาดหรือนานเกินความจำเป็น
  3. สังเกตอาการแพ้ยาหรือผลข้างเคียง: หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน บวมแดง หรืออาการแย่ลง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  4. ใช้ยาร่วมกับการปรับพฤติกรรม: การใช้ยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การปรับพฤติกรรมควบคู่ไปกับการใช้ยา เช่น การทานอาหารที่มีใยอาหารสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย จะช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

เมื่อไหร่ที่ยาอาจไม่พอ…และต้องพบแพทย์?

แม้ว่ายาริดสีดวงจะช่วยบรรเทาอาการได้ดีในหลายกรณี แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ ทันที:

  • มีเลือดออกปริมาณมาก หรือเลือดออกต่อเนื่อง
  • อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่ทุเลาลงด้วยยา
  • ก้อนริดสีดวงยื่นออกมาแล้วไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ หรือมีสีคล้ำผิดปกติ
  • มีไข้ร่วมกับอาการปวดริดสีดวง
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ยาตามคำแนะนำมาสักระยะหนึ่งแล้ว
  • มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรืออายุ 50 ปีขึ้นไปและมีเลือดออกทางทวารหนักครั้งแรก

การดูแลตัวเองด้วยยาริดสีดวงทวารเป็นทางเลือกที่ดีในการบรรเทาอาการ แต่การเลือกใช้ยาที่ถูกต้องและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่าง เภสัชกร หรือ แพทย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากความกังวลเรื่องริดสีดวงครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. Mayo Clinic. (2024, May 14). Hemorrhoids – Symptoms & causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hemorrhoids/symptoms-causes/syc-20360262
  2. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (2024, February). Hemorrhoids. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/hemorrhoids
  3. Cleveland Clinic. (2023, September 29). Hemorrhoids. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15124-hemorrhoids
  4. National Health Service (NHS). (2023, November 28). Piles (haemorrhoids) – Treatment. Retrieved from https://www.nhs.uk/conditions/piles-haemorrhoids/treatment/
  5. Harvard Health Publishing. (2023, January 10). Hemorrhoids and what to do about them. Retrieved from https://www.health.harvard.edu/diseases-and-conditions/hemorrhoids-and-what-to-do-about-them
  6. American Society of Colon and Rectal Surgeons (ASCRS). (n.d.). Hemorrhoids. Retrieved from https://fascrs.org/patients/diseases-and-conditions/hemorrhoids

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี