เคยไหม… ปวดหัว กินยาแก้ปวด แล้วอาการก็ดีขึ้น แล้วเคยคิดไหมว่า ยาแก้ปวดมันรู้ได้ยังไงว่าเราปวด “หัว” ไม่ใช่ “หลัง” หรือ “เข่า”? มันดูน่าทึ่งใช่ไหม ที่เรากินยาเข้าไป แล้วมัน “วิ่งตรง” ไปหาจุดที่เจ็บราวกับมี GPS ในตัวความจริงคือ… ยาแก้ปวดไม่รู้หรอกว่าเราปวดตรงไหน แต่มันมี “กลไกอัจฉริยะ” ที่ช่วยลดความปวดได้ทั่วร่างกาย! แล้วมันทำงานยังไงล่ะ? ลองมาดูพร้อมกัน
🧠 ร่างกายรู้สึก “ปวด” ได้ยังไง?
ความปวดเกิดจากการที่ร่างกายมีอาการบาดเจ็บ หรือมีการอักเสบ เช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดแผล
เมื่อนั้น ร่างกายจะหลั่งสารเคมีที่เรียกว่า “พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin)” ซึ่งไปกระตุ้นปลายประสาทให้ส่งสัญญาณ “ปวด” ไปยังสมอง
💊 แล้ว “ยาแก้ปวด” เข้ามาจัดการยังไง?
ยาแก้ปวดส่วนใหญ่อย่าง พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) จะ เข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่ชื่อว่า COX (Cyclooxygenase) ซึ่งเป็นตัวช่วยผลิตพรอสตาแกลนดิน เมื่อพรอสตาแกลนดินลดลง ระบบประสาทก็ไม่ส่งสัญญาณ “ปวด” รุนแรงเท่าเดิม สมองจึง “รับรู้ความปวดน้อยลง” และนี่เองคือเหตุผลที่ ไม่ว่าคุณจะปวดตรงไหน ยาแก้ปวดก็สามารถช่วยได้ เพราะมันออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
❓ แล้วทำไมบางคนกินยาแล้วไม่หายปวด?
- ปวดมาจากคนละสาเหตุ เช่น ปวดจากเส้นประสาท หรือกล้ามเนื้อเกร็ง ซึ่งอาจต้องใช้ยาคนละประเภท
- ขนาดยาน้อยเกินไป หรือระยะเวลาไม่เหมาะสม
- ปวดเรื้อรังที่ไม่ใช่จากการอักเสบ อาจต้องใช้ยาหรือการรักษาอื่นร่วมด้วย
🔎 สรุปสั้น ๆ
- ยาแก้ปวดไม่ได้ “รู้” ว่าเราปวดตรงไหน
- แต่มันไปลดการสร้างสารเคมีที่ก่อให้เกิดความปวดทั่วร่างกาย
- พอสารนี้ลดลง ระบบประสาทก็ส่งสัญญาณปวดน้อยลง สมองจึงรู้สึกว่าหายปวด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- Mayo Clinic – Pain relievers: Understanding your options
- WHO: Guidelines on the pharmacological treatment of pain
- วารสารเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล (MUJPS)
- กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com