เมื่อไรที่ริดสีดวงทวารต้องหาหมอ? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรรอ
หลายคนที่เป็น ริดสีดวงทวาร มักจะเริ่มต้นด้วยการดูแลตัวเองที่บ้าน หรือปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา ซึ่งในริดสีดวงระยะเริ่มต้นก็มักจะได้ผลดี แต่ก็มีบางกรณีที่อาการริดสีดวงแย่ลง หรือมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณไม่ควรรอช้า และจำเป็นต้อง ไปพบแพทย์ โดยเร็วที่สุด การรู้สัญญาณเตือนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โตครับ
ทำไมถึงไม่ควรรอช้าเมื่อมีสัญญาณเหล่านี้?
การละเลยสัญญาณเตือนของริดสีดวงที่รุนแรงขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น:
- ภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือดเรื้อรัง: หากมีเลือดออกบ่อยๆ หรือปริมาณมาก [1]
- ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในริดสีดวง (Thrombosed Hemorrhoid): ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงเฉียบพลัน [2]
- การติดเชื้อ: หากมีการอักเสบหรือบาดเจ็บรุนแรง [3]
- ภาวะเนื้อตาย: หากริดสีดวงที่ยื่นออกมาถูกรัดและขาดเลือด [4]
และที่สำคัญที่สุดคือ อาการเลือดออกทางทวารหนัก อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ดังนั้นการไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
สัญญาณเตือนของริดสีดวงที่คุณไม่ควรรอ…ต้องหาหมอทันที!
หากคุณมีอาการริดสีดวงทวารและพบสัญญาณเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งข้อ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด:
- มีเลือดออกปริมาณมาก หรือเลือดออกต่อเนื่อง: ไม่ว่าจะเป็นเลือดสีแดงสดหยดเป็นปริมาณมาก หรือมีเลือดออกปนในอุจจาระบ่อยครั้ง แม้ว่าริดสีดวงจะทำให้เลือดออกได้ แต่การเสียเลือดมากอาจทำให้เกิดภาวะซีด หรือมีอาการหน้ามืดเป็นลมได้ ที่สำคัญ เลือดออกทางทวารหนักอาจไม่ใช่แค่ริดสีดวง แต่เป็นสัญญาณของปัญหาที่ร้ายแรงกว่า เช่น แผลในลำไส้ ติ่งเนื้อ หรือมะเร็ง [5]
- อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่ทุเลาลง: โดยเฉพาะหากมีอาการปวดเฉียบพลันและรุนแรงมาก จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การนั่ง หรือการเคลื่อนไหว นี่อาจเป็นสัญญาณของ ริดสีดวงที่มีลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosed Hemorrhoid) ซึ่งต้องการการรักษาเร่งด่วน [6]
- ก้อนริดสีดวงยื่นออกมาแล้วไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ (ริดสีดวงระยะที่ 4): หากก้อนริดสีดวงที่ยื่นออกมานอกทวารหนัก (มักเป็นริดสีดวงภายในระยะที่ 3 หรือ 4) ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ด้วยตนเอง หรือแย่ลงจนรู้สึกเจ็บปวดมาก นี่แสดงว่าโรคอยู่ในระยะที่รุนแรง และอาจต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัด [7]
- มีไข้ร่วมกับอาการปวด หรือมีหนอง/กลิ่นผิดปกติ: นี่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อบริเวณริดสีดวง หรือรอบทวารหนัก ซึ่งต้องการยาปฏิชีวนะหรือการระบายหนองโดยแพทย์ทันที [8]
- น้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ: หากคุณมีอาการริดสีดวงร่วมกับการมีน้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ อ่อนเพลีย หรือมีการเปลี่ยนแปลงของนิสัยการขับถ่าย เช่น ท้องผูกสลับท้องเสียบ่อยๆ ควรสงสัยว่าอาจมีสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงกว่า เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก [9]
- อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเลือดออกทางทวารหนักครั้งแรก: สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และเพิ่งเคยมีอาการเลือดออกทางทวารหนักเป็นครั้งแรก (หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก [10]
อย่ารอช้า…เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ
การดูแลตัวเองเบื้องต้นและปรึกษาเภสัชกรเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อมีสัญญาณอันตรายเหล่านี้เกิดขึ้น การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (Colorectal Surgeon) หรือแพทย์ระบบทางเดินอาหาร คือสิ่งที่คุณต้องทำโดยไม่รีรอ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- Mayo Clinic. (2024, May 14). Hemorrhoids – Symptoms & causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hemorrhoids/symptoms-causes/syc-20360262
- Cleveland Clinic. (2023, September 29). Hemorrhoids. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15124-hemorrhoids
- National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (2024, February). Hemorrhoids. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/hemorrhoids
- American Society of Colon and Rectal Surgeons (ASCRS). (n.d.). Hemorrhoids. Retrieved from https://fascrs.org/patients/diseases-and-conditions/hemorrhoids
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com