การรักษาโรคเริม รักษาโดยการรับประทานยาต้านไวรัส เช่น ยา Acyclovir, Valacyclovir หรือ Famciclovir การให้ยาภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ จะช่วยให้รอยโรคทางผิวหนังหายได้เร็วขึ้น และลดระยะเวลาการปวดแผล ส่วนการใช้ยาต้านไวรัสชนิดทามีประโยชน์น้อย
การรักษาโรคเริมจะมีทั้งยาทา และยารับประทาน
ยา ไวเลิร์ม (Vilerm)
- Vilerm มีตัวยาสำคัญ คือ Acyclovir เป็นยาฆ่าเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ชนิดที่ 1, 2 และ varicella zoster virus, Epstein-Barr virus (EBV) และ Cytomegalovirus (CMV)
- สามารถใช้รักษาโรคเริม งูสวัด โดยมีทั้งชนิดยาเม็ดรับประทาน และยารูปแบบครีม
- สำหรับยาเม็ดรับประทาน ควรเริ่มรับประทานยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีอาการ และรับประทานให้ครบตามขนาดและเวลาที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
- ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะขนาดและระยะเวลาในการใช้ยานี้ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของโรค
ตัวยาสำคัญ Acyclovir 400 mg
ข้อมูลทั่วไป
Vilerm มีตัวยาสำคัญ คือ Acyclovir เป็นยาต้านเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ชนิดที่ 1, 2 และ varicella zoster virus, Epstein-Barr virus (EBV) และ Cytomegalovirus (CMV)
กลไกการออกฤทธิ์Vilerm มีตัวยาสำคัญ คือ Acyclovir เป็นยาต้านเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ชนิดที่ 1, 2 และ varicella zoster virus, Epstein-Barr virus (EBV) และ Cytomegalovirus (CMV) โดย Acyclovir มีฤทธิ์สูงต่อ HSV type 1 มากที่สุด และมีฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสเรียงตามลำดับดังนี้ HSY type II, VZV, EBV, และ CMV ตามลำดับ Acyclovir ออกฤทธิ์โดยรบกวนการสังเคราะห์ DNA และยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส
รูปแบบของยาไวเลิม ชนิดเม็ด มี 3 ขนาด 200 มก., 400 มก., 800 มก.
ลักษณะของยา
ไวเลิม ขนาด 200 มก.
ยาเม็ดรูปหกเหลี่ยม สีฟ้า ด้านหนึ่งมีรูป อีกด้านหนึ่งมีตัวอักษร “VILERM” และ มีตัวเลข “200”
- ไวเลิม ขนาด 400 มก.
ยาเม็ดรูปหกเหลี่ยม สีเหลือง ด้านหนึ่งมีรูป อีกด้านหนึ่งมีตัวอักษร “VILERM” และ มีตัวเลข “400” - ไวเลิม ขนาด 800 มก.
ยาเม็ดรูปหกเหลี่ยม สีฟ้าอ่อน ด้านหนึ่งของเม็ดยามีตัวอักษร “VILERM” และ อีกด้านหนึ่งมีตัวเลข “800”
วิธีการใช้ และขนาดยาที่แนะนำ
- ควรเริ่มรับประทานยาโดยเร็วที่สุดภายหลังจากอาการปรากฏ ในกรณีที่เกิดเป็นซ้ำอีก ควรรับประทานยาทันที
- Acyclovir สามารถทานยาพร้อมอาหารได้ เนื่องจากอาหารไม่มีผลต่อการดูดซึมยา
- ขนาดยาและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ สภาพผู้ป่วย
- ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องครบตามระยะเวลาที่กำหนดหรือตามแพทย์สั่ง
สำหรับผู้ใหญ่
- สำหรับรักษาโรคเริม (Herpes simplex)
รับประทานครั้งละ 200 มก. วันละ 5 ครั้ง หรือทุก 4 ชั่วโมง ยกเว้นในช่วงเวลานอนตอนกลางคืน รับประทานต่อเนื่องกัน 5-10 วัน
ในกรณีที่อาการรุนแรง แพทย์ปรับเพิ่มขนาดยาและระยะเวลาการใช้ยา เป็นครั้งละ 400 มก. วันละ 5 ครั้ง หรือทุก 4 ชั่วโมง ยกเว้นในช่วงเวลานอนตอนกลางคืน รับประทานต่อเนื่องกัน 7-14 วัน หรือ ตามแพทย์สั่ง - สำหรับการป้องกันโรคเริมกลับมาเป็นซ้ำ
รับประทานครั้งละ 200 มก. วันละ 4 ครั้ง หรือ รับประทานครั้งละ 400 มก. วันละ 2 ครั้ง กรณีผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง เพิ่มขนาดยาให้รับประทานครั้งละ 400 มก. วันละ 3 ครั้ง รับประทานต่อเนื่องกัน 7-14 วัน หรือ พิจารณาให้ยาหยดเข้าหลอดเลือดแทน - สำหรับรักษาเริมที่อวัยวะเพศ (genital herpes) ที่เป็นครั้งแรก
รับประทานครั้งละ 200 มก. วันละ 5 ครั้ง หรือทุก 4 ชั่วโมง ยกเว้นในช่วงเวลานอนตอนกลางคืน รับประทานต่อเนื่องกัน 10 วันหรือ ตามแพทย์สั่ง - สำหรับโรคเริมกลับมาเป็นซ้ำ ควรรับประทานยาทันทีเมื่อมีอาการเตือน
รับประทานครั้งละ 200 มก. วันละ 5 ครั้ง หรือทุก 4 ชั่วโมง ยกเว้นในช่วงเวลานอนตอนกลางคืน รับประทานต่อเนื่องกัน 5 วัน - สำหรับป้องกันโรคเริมที่อวัยวะเพศกลับมาเป็นซ้ำแบบเรื้อรัง
รับประทานครั้งละ 400 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลานาน 12 เดือน หรือ ตามแพทย์สั่ง โดยมีการประเมินอาการทุก 6 เดือน และ 12 เดือน เพื่อสังเกตอาการของโรค และพิจารณาลดขนาดยาลงเป็น 400-600 มก.ต่อวัน
ยา vilerm กับโรคเริมรักษาอย่างไรถึงจะเร็วและดีที่สุด
หากคุณเป็นเริมหรือมีการติดเชื้อทางผิวหนัง การรักษาที่ดีที่สุดก็คือการไปพบแพทย์ แต่กรณีที่เป็นเริมคนส่วนใหญ่จะรู้สึกอาย ไม่ค่อยสะดวกใจที่จะไปพบแพทย์ ก็แนะนำให้ทำการรักษาตามอาการ นั่นคือ การใช้ยาไวเริม ทา และรับประทานยารักษาตามอาการ
การใช้ยาทา – การใช้ยาไวเริมทานั้นสามารถใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการ ให้ทาประมาณ 4 – 5 ครั้ง/วัน ในทุก ๆ 4 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นการรับประทานยารักษา – กรณีที่เริ่มมีอาการปวดบริเวณที่เป็นแผล และเริ่มมีการอักเสบจนเป็นไข้ ก็ให้รักษาตามอาการคือ รับประทานยาลดปวด ลดไข้ แต่ก่อนรับประทานก็ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนก็จะดี จะได้ปลอดภัยมากขึ้น
ซึ่งหากรักษาตามนี้แล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือ อาการเริ่มมีการลุกลามหนักขึ้นก็ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน อาการลุกลามที่บ่งบอกว่าคุณควรไปพบแพทย์ก็คือ อาการเริ่มลามไปที่ดวงตา คือ เริ่มมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล เจ็บตา หรือกรณีที่เป็นไข้นานเกิน 3 วัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- โรงพยาบาลจุฬารัตน์รัตน์3
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com