สาเหตุหลักของริดสีดวงทวาร: ทำไมคุณถึงเป็น?
โรคริดสีดวงทวารเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยในผู้คนหลากหลายช่วงวัย หลายคนอาจเคยประสบกับอาการไม่สบายตัวที่เกิดจากโรคนี้ แต่เคยสงสัยไหมว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณเป็นริดสีดวงทวาร? การเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง ซึ่งเป็นที่มาของริดสีดวงทวารครับ
กลไกการเกิดริดสีดวงทวาร: แรงดันที่มากเกินไป
โดยพื้นฐานแล้ว ริดสีดวงทวาร เกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักและส่วนปลายของลำไส้ใหญ่เกิดการขยายตัว โป่งพอง หรืออักเสบ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจาก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้องและบริเวณทวารหนักอย่างต่อเนื่อง แรงดันนี้ทำให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจได้ยาก เกิดการคั่งของเลือดและทำให้หลอดเลือดบวมขึ้นในที่สุด [1]
สาเหตุหลักที่ทำให้คุณเป็นริดสีดวงทวาร
มีหลายปัจจัยที่สามารถเพิ่มแรงดันดังกล่าวและนำไปสู่การเกิดริดสีดวงทวารได้:
- ภาวะท้องผูกเรื้อรังและการเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรง: นี่คือ สาเหตุอันดับหนึ่ง ที่พบบ่อยที่สุด เมื่ออุจจาระแข็งและแห้ง ทำให้ต้องออกแรงเบ่งมากผิดปกติ แรงเบ่งนี้จะเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักอย่างมหาศาล ทำให้หลอดเลือดโป่งพองและเกิดเป็นริดสีดวง [2]
- การนั่งขับถ่ายเป็นเวลานาน: หลายคนมีพฤติกรรมการนั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือใช้เวลานานเกินไปในห้องน้ำ การนั่งบนโถส้วมเป็นเวลานานจะทำให้ทวารหนักถูกกดทับ และเพิ่มแรงดันต่อหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง [3]
- อาการท้องเสียเรื้อรัง: แม้จะต่างจากท้องผูก แต่การมีอาการท้องเสียบ่อยครั้ง และมีการถ่ายอุจจาระบ่อยๆ ร่วมกับการเบ่งที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มแรงดันในบริเวณทวารหนักได้เช่นกัน
- การตั้งครรภ์: เป็นสาเหตุสำคัญในผู้หญิงตั้งครรภ์ มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดทับหลอดเลือดดำในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน ทำให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจได้ยาก และเพิ่มแรงดันต่อหลอดเลือดบริเวณทวารหนัก นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ก็มีส่วนด้วย [4]
- การยกของหนัก: การออกแรงยกของหนักบ่อยๆ หรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้การเบ่งมาก เช่น การยกน้ำหนัก จะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงต่อการเกิดริดสีดวง
- ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน: น้ำหนักตัวที่มากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง จะเพิ่มแรงดันต่อหลอดเลือดบริเวณอุ้งเชิงกรานและทวารหนัก ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงมากขึ้น
- อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อที่คอยพยุงหลอดเลือดบริเวณทวารหนักจะอ่อนแอลง ทำให้หลอดเลือดโป่งพองได้ง่ายขึ้น [5]
- พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นริดสีดวงได้ง่ายกว่าคนอื่น เนื่องจากมีผนังหลอดเลือดที่อ่อนแอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยทางพันธุกรรม
ป้องกันดีกว่าแก้: ปรับพฤติกรรมลดความเสี่ยง
เมื่อทราบถึงสาเหตุหลักเหล่านี้แล้ว คุณสามารถเริ่มป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงทวารได้ทันที โดยเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน:
- เน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง: ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี จะช่วยให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่ายขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้อุจจาระนิ่มและป้องกันท้องผูก
- ไม่เบ่งถ่ายและไม่นั่งนาน: เมื่อรู้สึกปวดถ่าย ควรรีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่ควรนั่งเกิน 5-10 นาที
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และลดอาการท้องผูก

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับสาเหตุของริดสีดวงทวาร หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันและดูแลตัวเอง ปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา เพื่อรับคำแนะนำเบื้องต้น หรือหากอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรู้สาเหตุและป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณมีสุขภาพทวารหนักที่ดีและห่างไกลจากริดสีดวงทวารครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- Mayo Clinic. (2024, May 14). Hemorrhoids – Symptoms & causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hemorrhoids/symptoms-causes/syc-20360262
- National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (2024, February). Hemorrhoids. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/hemorrhoids
- Cleveland Clinic. (2023, September 29). Hemorrhoids. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15124-hemorrhoids
- American Society of Colon and Rectal Surgeons (ASCRS). (n.d.). Hemorrhoids. Retrieved from https://fascrs.org/patients/diseases-and-conditions/hemorrhoids
- Harvard Health Publishing. (2023, January 10). Hemorrhoids and what to do about them. Retrieved from https://www.health.harvard.edu/diseases-and-conditions/hemorrhoids-and-what-to-do-about-them
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com