หูดหงอนไก่ขึ้นที่ปากได้หรือไม่

แม้ว่าชื่อ “หูดหงอนไก่” จะสื่อถึงบริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้วหูดหงอนไก่สามารถขึ้นที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้เช่นกันครับ/ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ปาก, ริมฝีปาก, ลิ้น, เหงือก หรือลำคอ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV [1]

กลไกการติดต่อและการเกิดโรค

หูดหงอนไก่ที่ปากเกิดจากการสัมผัสผิวหนังโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ HPV ในระหว่างการทำกิจกรรมทางเพศ โดยเฉพาะ การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (Oral Sex) [2] ไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านรอยแตกเล็กๆ บนเยื่อบุผิวภายในปาก จากนั้นจะกระตุ้นให้เซลล์เพิ่มจำนวนและเกิดเป็นติ่งเนื้อขึ้น

ลักษณะและอาการ

หูดหงอนไก่ที่ปากอาจมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีลักษณะดังนี้:

  • ลักษณะ: เป็นตุ่มนูนเล็กๆ หรือมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อที่รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายหงอนไก่ มีสีชมพูอ่อนหรือสีเดียวกับเนื้อเยื่อรอบข้าง [3]
  • บริเวณที่พบ: สามารถพบได้ที่ริมฝีปาก, ลิ้น, เพดานปาก, เหงือก, กระพุ้งแก้ม หรือแม้แต่ในลำคอ
  • อาการ: โดยส่วนใหญ่มักจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือคัน แต่หากหูดมีขนาดใหญ่ขึ้นอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือไม่ถนัดในการเคี้ยวหรือกลืนได้

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

การติดเชื้อ HPV ในช่องปากไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเกิดหูดเสมอไป และที่สำคัญ การมีหูดหงอนไก่ในช่องปากไม่ได้หมายความว่าจะนำไปสู่โรคมะเร็งเสมอไป เนื่องจากสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูด (HPV 6 และ 11) ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ [4] อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง (เช่น HPV 16 และ 18) ในช่องปากเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งในช่องปากและลำคอ ดังนั้นการเฝ้าระวังและการป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน

  • วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
  • สังกะสี (Zinc): เป็นแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินบี 12 (Vitamin B12): มีบทบาทในการรักษาสุขภาพของเยื่อบุผิวให้แข็งแรง

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”


ข้อมูลอ้างอิง (References)

  1. Mayo Clinic. (n.d.). Genital warts – Symptoms and causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/genital-warts/symptoms-causes/syc-20355234
  2. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, July 26). HPV and Oropharyngeal Cancer. Retrieved from https://www.cdc.gov/cancer/hpv/basic_info/hpv_oropharyngeal.htm
  3. Cleveland Clinic. (n.d.). Oral HPV: What It Is, Symptoms & Treatment. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16892-oral-hpv
  4. World Health Organization (WHO). (n.d.). Human papillomavirus and cancer. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/human-papilloma-virus-and-cancer

เรียบเรียงโดย (Compiled by)  : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี