หูดหงอนไก่คืออะไร? อาการ สาเหตุ การรักษา และการป้องกันที่คุณต้องรู้

สงสัยว่า หูดหงอนไก่คืออะไร หรือคุณมีความเสี่ยงหรือไม่? ทำความเข้าใจ อาการหูดหงอนไก่ ที่สังเกตได้ สาเหตุ หลักจากเชื้อ HPV พร้อมแนวทาง การรักษา และ การป้องกัน ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสุขภาพทางเพศที่ดี




หูดหงอนไก่คืออะไร? อาการ สาเหตุ การรักษา และการป้องกันที่คุณต้องรู้

เมื่อพูดถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หลายคนอาจนึกถึงซิฟิลิสหรือหนองใน แต่ยังมีอีกโรคหนึ่งที่พบบ่อยไม่แพ้กัน และสร้างความกังวลใจให้กับผู้ติดเชื้อไม่น้อย นั่นคือ “หูดหงอนไก่” หรือ Genital Warts ครับ โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่อาจไม่แสดงอาการทันที ทำให้ยากต่อการสังเกตและอาจแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่า หูดหงอนไก่คืออะไร อาการ ที่ควรสังเกต สาเหตุ ที่แท้จริง วิธี การวินิจฉัย แนวทาง การรักษา และที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกัน เพื่อสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัยของคุณ




หูดหงอนไก่คืออะไร? ทำความรู้จักกับโรคนี้

หูดหงอนไก่ คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) โดยเฉพาะ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ เช่น สายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่มากกว่า 90% [1, 2] เชื้อ HPV สามารถแพร่กระจายได้จากการสัมผัสผิวหนังสู่ผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างกิจกรรมทางเพศ

ลักษณะของหูดหงอนไก่ที่พบบ่อยคือ ตุ่มเนื้อเล็กๆ หรือก้อนเนื้อนิ่มๆ ที่มีลักษณะคล้ายหงอนไก่ ดอกกะหล่ำ หรือตุ่มเล็กๆ เรียบๆ ซึ่งอาจมีสีชมพู สีเนื้อ หรือสีน้ำตาลก็ได้




อาการหูดหงอนไก่: สังเกตอย่างไร?

อาการ ของ หูดหงอนไก่ มักไม่ปรากฏทันทีหลังการติดเชื้อ อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปีหลังจากได้รับเชื้อกว่าจะแสดงอาการ [1, 3] ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการเลย ทำให้ไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อและอาจแพร่เชื้อต่อไปได้

เมื่อมีอาการที่สังเกตได้ มักพบเป็น:

  • ตุ่มเนื้อนูน: ขนาดเล็ก สีชมพูหรือสีเนื้อ อาจเป็นเม็ดเดียวหรือหลายเม็ดรวมกันเป็นกลุ่ม คล้ายดอกกะหล่ำหรือหงอนไก่
  • ตำแหน่งที่พบ:
    • ในเพศชาย: บริเวณอวัยวะเพศชาย (ปลายอวัยวะเพศ, ลำอวัยวะเพศ, ถุงอัณฑะ), บริเวณขาหนีบ, รอบทวารหนัก
    • ในเพศหญิง: บริเวณอวัยวะเพศภายนอก, ปากช่องคลอด, ผนังช่องคลอด, ปากมดลูก, ฝีเย็บ, รอบทวารหนัก
    • ทั้งสองเพศ: บริเวณปาก ลำคอ ลิ้น และภายในทวารหนัก (จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวารหนัก)
  • อาการอื่นๆ: โดยทั่วไปหูดหงอนไก่มักไม่เจ็บปวด แต่บางรายอาจมีอาการคัน ระคายเคือง เลือดออกง่าย หรือรู้สึกไม่สบายตัวได้


สำคัญ: หากคุณสังเกตเห็นตุ่มเนื้อผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง อย่าละเลยหรือพยายามรักษาเอง




สาเหตุหูดหงอนไก่: จากเชื้อ HPV เป็นหลัก

สาเหตุ หลักของ หูดหงอนไก่ คือการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) [1, 4] โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ำต่อมะเร็ง (Low-risk HPV types) เช่น HPV type 6 และ 11

ช่องทางการติดต่อ:

  • การมีเพศสัมพันธ์: เป็นช่องทางการติดต่อหลัก ทั้งทางช่องคลอด ทางทวารหนัก และทางปาก
  • การสัมผัสผิวหนัง: สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศที่มีเชื้อ แม้จะไม่มีการสอดใส่ก็ตาม
  • การแพร่จากแม่สู่ลูก: ทารกสามารถติดเชื้อ HPV จากมารดาขณะคลอดได้ แต่พบได้น้อย


ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อและเกิดหูดหงอนไก่:

  • การมีคู่นอนหลายคน: เพิ่มโอกาสในการสัมผัสเชื้อ
  • การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย:
  • การไม่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี: (แม้ถุงยางอนามัยจะลดความเสี่ยง แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะเชื้ออาจอยู่บริเวณผิวหนังที่ถุงยางอนามัยคลุมไม่ถึง)
  • ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ: เช่น ผู้ป่วย HIV ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ที่กินยากดภูมิคุ้มกัน

ใส่แบรนด์เนอ DRC

  • การสูบบุหรี่: อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหูดและทำให้รักษาได้ยากขึ้น






การวินิจฉัยหูดหงอนไก่: โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การวินิจฉัย หูดหงอนไก่ ส่วนใหญ่ทำได้โดยการตรวจดูลักษณะของรอยโรคโดยแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ทางเดินปัสสาวะ/สูตินรีแพทย์ [1, 5]

  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อหารอยโรค
  • การใช้กรดอะซิติก (Acetic Acid Solution): แพทย์อาจทากรดอะซิติกเจือจางลงบนบริเวณที่สงสัย เพื่อให้รอยโรคของหูดหงอนไก่เด่นชัดขึ้น
  • การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): ในบางกรณีที่รอยโรคมีลักษณะไม่ชัดเจน หรือสงสัยความผิดปกติอื่น แพทย์อาจพิจารณาตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและแยกจากโรคอื่นๆ
  • การตรวจภายในและ Pap Smear (สำหรับผู้หญิง): เพื่อตรวจหารอยโรคที่ปากมดลูกและเก็บตัวอย่างเซลล์ไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (หากสงสัยการติดเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูงร่วมด้วย)





การรักษาหูดหงอนไก่: เพื่อกำจัดหูดและลดการแพร่เชื้อ

การรักษาหูดหงอนไก่ มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง จำนวน และความรุนแรงของหูด รวมถึงความพึงพอใจของผู้ป่วยและแพทย์ [1, 6] การรักษาไม่สามารถกำจัดเชื้อ HPV ออกจากร่างกายได้ทั้งหมด แต่จะช่วยกำจัดตัวหูด ซึ่งเป็นอาการแสดงของโรค และช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อได้

วิธีการรักษาที่พบบ่อย ได้แก่:

  1. ยาทา (Topical Medications):
    • Podofilox (Condylox): เป็นยาที่ใช้ทาหูดโดยตรง ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
    • Imiquimod (Aldara, Zyclara): เป็นยาที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ไปกำจัดเชื้อ
    • Trichloroacetic Acid (TCA): เป็นกรดเข้มข้นที่แพทย์จะทาบริเวณหูดเพื่อทำลายเนื้อเยื่อ


  2. การจี้ทำลาย (Ablative Therapies):
    • การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery): ใช้กระแสไฟฟ้าจี้ทำลายหูด
    • การจี้เย็น (Cryotherapy): ใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งหูดให้ตายไป
    • การผ่าตัด (Surgical Excision): ใช้มีดผ่าตัดหูดออกไป เหมาะกับหูดขนาดใหญ่หรือเป็นก้อน
    • การใช้เลเซอร์ (Laser Therapy): ใช้แสงเลเซอร์ทำลายหูด มักใช้ในกรณีที่หูดมีขนาดใหญ่ หรืออยู่ลึกเข้าไปในช่องคลอดหรือทวารหนัก

สิ่งสำคัญหลังการรักษา: หูดหงอนไก่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เนื่องจากเชื้อ HPV ยังคงอยู่ในร่างกาย ผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และมาตรวจติดตามผลตามนัดอย่างสม่ำเสมอ




การป้องกันหูดหงอนไก่: ลดความเสี่ยง เพื่อสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัย

การป้องกันหูดหงอนไก่ และการติดเชื้อ HPV เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูดหงอนไก่และมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV [1, 7]:

  1. การฉีดวัคซีน HPV:
    • วัคซีนป้องกัน HPV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดหงอนไก่ (และสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง)
    • แนะนำให้ฉีดในเด็กหญิงและเด็กชายตั้งแต่อายุ 9-14 ปี (ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์) และสามารถฉีดในผู้ใหญ่ได้ตามคำแนะนำของแพทย์
    • มีทั้งวัคซีน 2 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นหลัก), 4 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่), และ 9 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งและหูดหงอนไก่ได้ครอบคลุมมากขึ้น)


  1. การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย:
    • ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์: แม้ถุงยางอนามัยจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ 100% (เพราะเชื้ออาจอยู่บริเวณที่ถุงยางอนามัยคลุมไม่ถึง) แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้
    • ลดจำนวนคู่นอน: การมีคู่นอนคนเดียว และทั้งสองฝ่ายไม่มีการติดเชื้อ จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากที่สุด
    • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีอาการหรือรอยโรค: เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ


  1. การตรวจคัดกรองเป็นประจำ (สำหรับผู้หญิง):
    • การตรวจ Pap Smear และ HPV DNA Test: เป็นสิ่งสำคัญในการคัดกรองมะเร็งปา
      กมดลูกในผู้หญิง ซึ่งเกิดจากเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูง แม้จะไม่ได้ตรวจหาหูดหงอนไก่โดยตรง แต่ก็เป็นการตรวจคัดกรองเชื้อ HPV ที่สำคัญ






ยารักษาหูดหงอนไก่ 

ควรได้รับการวินิจฉัยและสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากหูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

(STD) ที่เกิดจากเชื้อ Human Papillomavirus (HPV) และการรักษาต้องเหมาะสมกับตำแหน่ง ขนาด และจำนวนของหูด รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยครับ การซื้อยามาใช้เองอาจไม่ถูกวิธี ไม่ได้ผล หรืออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของยารักษาหูดหงอนไก่ที่มีจำหน่ายในโรงพยาบาลหรือร้านขายยา ซึ่งคุณสามารถนำไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรได้

ยารักษาหูดหงอนไก่ชนิดทา (Topical Medications) ที่พบบ่อยในประเทศไทย:

  1. Imiquimod cream (อิมิควิโมด ครีม)
    • ชื่อสามัญ: Imiquimod
    • ตัวอย่างชื่อการค้า: Aldara (อัลดารา), Siquoderm (ซิคัวเดิร์ม)
  • กลไกการออกฤทธิ์: กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ไปกำจัดเชื้อไวรัส HPV และทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ
  • วิธีใช้: ทาบริเวณหูดบางๆ ก่อนนอน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ (เช่น วันจันทร์ พุธ ศุกร์) ทิ้งไว้ 6-10 ชั่วโมง แล้วล้างออก ทำติดต่อกันจนกว่าหูดจะหายไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์ (อาจใช้ได้นานถึง 16 สัปดาห์)
  • ข้อดี: สามารถทาเองได้ที่บ้าน, ไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติโดยตรง
  • ผลข้างเคียงที่พบได้: แดง บวม คัน ระคายเคือง ผิวลอกบริเวณที่ทา (ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติที่แสดงว่ายากำลังทำงาน), อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด


  1. Podophyllotoxin solution/cream (โพโดฟิลโลท็อกซิน โซลูชั่น/ครีม)
    • ชื่อสามัญ: Podophyllotoxin
    • ตัวอย่างชื่อการค้า: Condylox (คอนดิล็อกซ์), Warticon (วอร์ทิคอน)
  • กลไกการออกฤทธิ์: ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์หูด ทำให้เซลล์หูดตายและหลุดลอกไป
  • วิธีใช้: ทาบริเวณหูด วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน แล้วเว้น 4 วัน (เป็น 1 รอบ) สามารถทำซ้ำได้ 4-5 รอบ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
  • ข้อดี: ออกฤทธิ์ได้ค่อนข้างเร็ว สามารถทาเองได้ที่บ้าน
  • ผลข้างเคียงที่พบได้: แดง บวม เจ็บแสบ ระคายเคืองบริเวณที่ทา ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ และระวังไม่ให้ยาโดนผิวหนังปกติ


  1. Trichloroacetic acid (TCA) solution (กรดไตรคลอโรอะซิติก)
    • ชื่อสามัญ: Trichloroacetic acid (TCA)
    • ตัวอย่างชื่อการค้า: เป็นสารละลายที่มักเตรียมโดยเภสัชกร หรือมีในคลินิก/โรงพยาบาล (ไม่ได้มาในรูปแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยทั่วไป)
    • กลไกการออกฤทธิ์: เป็นกรดที่รุนแรง ทำให้เซลล์หูดถูกทำลายและเกิดการกัดกร่อน ทำให้หูดหลุดลอกไป
    • วิธีใช้: ต้องให้แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทาเท่านั้น โดยจะทาอย่างระมัดระวังเฉพาะบริเวณหูดเท่านั้น
    • ข้อดี: ออกฤทธิ์เร็ว เห็นผลค่อนข้างไว
    • ผลข้างเคียงที่พบได้: เจ็บแสบมาก ปวด แดง เกิดแผลไหม้บริเวณที่ทา หากโดนผิวหนังปกติ


ยารักษาหูดหงอนไก่ชนิดอื่นๆ (ไม่ใช่ยาหลักที่ผู้ป่วยซื้อเองได้)

  • Sinecatechins ointment (กรีนทีสกัด)
    • ชื่อสามัญ: Sinecatechins
    • ตัวอย่างชื่อการค้า: Veregen (เวเรเจน)
    • กลไกการออกฤทธิ์: สารสกัดจากชาเขียว มีฤทธิ์ต้านไวรัสและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    • วิธีใช้: ทาบางๆ 3 ครั้งต่อวัน นานถึง 16 สัปดาห์


วิธีการรักษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยา (ทำโดยแพทย์):

นอกจากการใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาวิธีการรักษาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • จี้เย็น (Cryotherapy): ใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งหูดให้ตายและหลุดไป
  • จี้ไฟฟ้า (Electrocautery): ใช้กระแสไฟฟ้าจี้ทำลายหูด
  • เลเซอร์ (Laser Therapy): ใช้เลเซอร์ทำลายหูด
  • ผ่าตัด (Surgical Excision): ตัดหูดออกโดยตรง


สิ่งสำคัญที่สุด:

  • หากสงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ หรือมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยง ควรไปพบแพทย์ (สูตินรีแพทย์, แพทย์ผิวหนัง, หรือแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ) เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม
  • การรักษาหูดหงอนไก่ไม่ได้หมายความว่ากำจัดเชื้อ HPV ออกจากร่างกายได้ทั้งหมด เชื้ออาจยังคงอยู่และหูดอาจกลับมาเป็นซ้ำได้
  • การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่และมะเร็งปากมดลูกในสตรี







สรุป: หูดหงอนไก่ป้องกันและรักษาได้ด้วยความเข้าใจ

หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอายหรือสิ้นหวัง การทำความเข้าใจว่า หูดหงอนไก่คืออะไร รู้จัก อาการ สาเหตุ และแนวทาง การรักษา ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ความสำคัญกับ การป้องกัน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน HPV จะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพทางเพศของตัวเองได้อย่างปลอดภัย ห่างไกลจากความกังวล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่าลืมว่าการปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดหากสงสัยว่ามีการติดเชื้อ

“หากคุณสงสัยว่าตนเองมีอาการของ หูดหงอนไก่ หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีด วัคซีน HPV และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรใกล้บ้านคุณ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสุขภาพของคุณ”



แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2022, November 17). Genital Warts (HPV). Retrieved from https://www.cdc.gov/std/hpv/stdfact-hpv.htm
  2. Mayo Clinic. (2024, May 09). Genital warts. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/genital-warts/symptoms-causes/syc-20355234
  3. American Academy of Dermatology Association. (n.d.). Genital Warts: Symptoms. Retrieved from https://www.aad.org/public/diseases/a-z/genital-warts-symptoms
  4. สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค. (น.ด.). โรคหูดหงอนไก่. เข้าถึงได้จาก: https://www.bamras.go.th/web/bamras/knowledge-detail/1500
  5. American Academy of Dermatology Association. (n.d.). Genital Warts: Diagnosis and Treatment. Retrieved from https://www.aad.org/public/diseases/a-z/genital-warts-diagnosis-treatment
  6. World Health Organization (WHO). (2023, July 14). Human papillomavirus (HPV) and cervical cancer. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/human-papillomavirus-(hpv)-and-cervical-cancer (อ้างอิงข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ HPV และการป้องกัน)
  7. Royal Thai College of Obstetricians and Gynaecologists. (น.ด.). แนวทางการให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV Vaccine). (ข้อมูลจากหน่วยงานแพทย์ไทยที่น่าเชื่อถือ)

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี