กำลังจะ ตรวจเบาหวาน ใช่ไหม? มาดูกันว่า ตรวจเบาหวานต้องเตรียมตัวอย่างไร พร้อมทำความเข้าใจ ค่าปกติ และ ค่าเสี่ยง ของระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อผลตรวจที่แม่นยำและการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง
ตรวจเบาหวานต้องเตรียมตัวอย่างไร? ค่าปกติและค่าเสี่ยงที่คุณควรรู้ก่อนไปหาหมอ
การ ตรวจเบาหวาน เป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีอาการน่าสงสัย มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง การเตรียมตัวที่ดีก่อนการตรวจ จะช่วยให้ผลเลือดมีความแม่นยำ และแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะบอกคุณว่า ตรวจเบาหวานต้องเตรียมตัวอย่างไร พร้อมเจาะลึก ค่าปกติ และ ค่าเสี่ยง ของระดับน้ำตาลในเลือดที่คุณควรรู้ เพื่อให้คุณเข้าใจผลตรวจของตัวเองได้ดีขึ้น
ทำไมต้องตรวจเบาหวาน? และใครบ้างที่ควรตรวจ?
โรคเบาหวานมักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ และเมื่อตรวจพบก็มักจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นแล้ว การตรวจคัดกรองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงดังนี้ [1, 2]:
- ผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป: ควรตรวจคัดกรองทุก 3 ปี
- ผู้ที่อายุน้อยกว่า 45 ปี แต่มีปัจจัยเสี่ยง:
- มีน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน (BMI ≥ 23 kg/m²)
- มีภาวะความดันโลหิตสูง
- มีไขมันในเลือดผิดปกติ (HDL-C ต่ำ และ/หรือ Triglyceride สูง)
- มีประวัติคนในครอบครัว (พ่อแม่ พี่น้อง) เป็นเบาหวาน
- มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือเคยคลอดบุตรน้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กิโลกรัม
- มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ในผู้หญิง
- มีภาวะผิวหนังคล้ำและหนาบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ (Acanthosis Nigricans)

ตรวจเบาหวานต้องเตรียมตัวอย่างไร? ให้ผลแม่นยำที่สุด
การเตรียมตัวก่อนตรวจเบาหวานจะแตกต่างกันไปตามชนิดของการตรวจ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การตรวจที่พบบ่อยและมีความสำคัญคือ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร (Fasting Plasma Glucose: FPG) [3]:
- งดอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นน้ำเปล่า) อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด! หากคุณไม่ได้งดอาหารตามเวลาที่กำหนด ผลเลือดจะคลาดเคลื่อนและไม่สามารถแปลผลเพื่อวินิจฉัยเบาหวานได้ โดยปกติแพทย์มักนัดให้มาเจาะเลือดช่วงเช้าตรู่
- งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
- แจ้งแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับยาที่รับประทานอยู่: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลได้เล็กน้อย
- หลีกเลี่ยงความเครียด: ความเครียดสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดชั่วคราวได้
- ไม่ต้องงดน้ำเปล่า: สามารถดื่มน้ำเปล่าได้ตามปกติ เพราะจะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยให้การเจาะเลือดง่ายขึ้น
ค่าปกติและค่าเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือดที่คุณควรรู้
เมื่อคุณเจาะเลือดตรวจเบาหวาน ผลที่ได้จะถูกแปลผลตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อบ่งชี้ว่าคุณมีระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ใด ซึ่งหลักๆ มีดังนี้ [3, 4]:
ชนิดของการตรวจ | ค่าปกติ (Normal) | ภาวะเสี่ยง (Prediabetes) | เป็นเบาหวาน (Diabetes) |
น้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร (FPG) | ต่ำกว่า 100 mg/dL | 100 – 125 mg/dL | ≥ 126 mg/dL (ตรวจ 2 ครั้ง) |
น้ำตาลสะสม (HbA1c) | ต่ำกว่า 5.7% | 5.7% – 6.4% | ≥ 6.5% (ตรวจ 2 ครั้ง) |
น้ำตาลในเลือด 2 ชม. หลังดื่มน้ำตาล 75 กรัม (OGTT) | ต่ำกว่า 140 mg/dL | 140 – 199 mg/dL | ≥ 200 mg/dL |
น้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม (Random Plasma Glucose) | ไม่สามารถวินิจฉัยได้ด้วยค่านี้เพียงอย่างเดียว | ไม่สามารถวินิจฉัยได้ด้วยค่านี้เพียงอย่างเดียว | ≥ 200 mg/dL ร่วมกับมีอาการของเบาหวาน |
- Fasting Plasma Glucose (FPG): การตรวจน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8-12 ชั่วโมง เป็นการตรวจมาตรฐานที่นิยมใช้มากที่สุด
- HbA1c (Glycated Hemoglobin): เป็นค่าเฉลี่ยของระดับน้ำตาลในเลือดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องงดอาหารก่อนตรวจ และใช้ในการติดตามผลการรักษาเบาหวานได้ดี
- Oral Glucose Tolerance Test (OGTT): การตรวจความทนทานต่อน้ำตาล โดยดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม แล้วเจาะเลือดซ้ำที่ 2 ชั่วโมง มักใช้ในกรณีที่ผล FPG ยังไม่ชัดเจน หรือในหญิงตั้งครรภ์
หากผลตรวจของคุณอยู่ในเกณฑ์ “ภาวะเสี่ยง” (Prediabetes)
สัญญาณเตือนสำคัญที่บอกว่าคุณควรเริ่มปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพื่อชะลอหรือป้องกันไม่ให้พัฒนาไปเป็นเบาหวานเต็มตัวในอนาคต [4]
หากผลตรวจของคุณอยู่ในเกณฑ์ “เป็นเบาหวาน”
คุณไม่ควรกังวลเกินไปนัก แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาทันที ซึ่งอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว [5]
สรุป: เตรียมตัวดี ผลตรวจแม่นยำ นำสู่การดูแลสุขภาพที่ดี
การ ตรวจเบาหวาน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้รู้จักและเข้าใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น การ เตรียมตัวตรวจเบาหวาน อย่างถูกวิธี จะทำให้ได้ผลที่แม่นยำ และเมื่อทราบ ค่าปกติ หรือ ค่าเสี่ยง ของระดับน้ำตาลแล้ว คุณก็จะสามารถร่วมกับแพทย์วางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมที่สุดเพื่อป้องกันและจัดการโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- American Diabetes Association. (n.d.). Tests for Diabetes. Retrieved from https://diabetes.org/diabetes/a1c-test
- สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (น.ด.). เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเบาหวาน. เข้าถึงได้จาก: https://www.dmthai.org/attachments/article/409/2.Diagnosis%20Criteria.pdf
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, April 20). Diagnosing Diabetes. Retrieved from https://www.cdc.gov/diabetes/basics/getting-diagnosed.html
- Mayo Clinic. (2024, May 09). Diabetes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/diagnosis-treatment/drc-20371451
- National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (n.d.). Diabetes Diet, Eating, & Physical Activity. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/diabetes/overview/diet-eating-physical-activity
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com