เท้าเบาหวาน: ดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดแผล? และเมื่อมีแผลต้องทำอย่างไร? (ฉบับสมบูรณ์)
เท้าเบาหวาน เป็นภาวะที่ต้องระวัง! เรียนรู้ วิธีดูแลเท้าเบาหวานไม่ให้เกิดแผล และเมื่อมีแผลแล้ว ต้องทำอย่างไร เพื่อป้องกันการลุกลามและการสูญเสียอวัยวะ
เท้าเบาหวาน: ดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดแผล? และเมื่อมีแผลต้องทำอย่างไร?
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกท่าน การดูแล “เท้า” อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ เพราะเท้าเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อการเกิด “แผลเบาหวาน” ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจลุกลามจนนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรง และในที่สุดอาจต้องจบลงด้วยการตัดนิ้วเท้าหรือแม้แต่ตัดขาได้ [1] บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าทำไมเท้าจึงมีความสำคัญต่อผู้ป่วยเบาหวาน และจะ ดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดแผล รวมถึง เมื่อมีแผลแล้วต้องทำอย่างไร เพื่อปกป้องเท้าของคุณให้ปลอดภัย
ทำไม “เท้าเบาหวาน” ถึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเฝ้าระวัง?
ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานในผู้ป่วยเบาหวาน จะส่งผลกระทบต่อเท้าใน 2 กลไกหลักๆ ทำให้เท้าของผู้ป่วยเบาหวานเปราะบางและเสี่ยงต่อการเกิดแผลง่าย [1, 2]:
- ปลายประสาทเสื่อม (Diabetic Neuropathy): เส้นประสาทที่ควบคุมความรู้สึกในเท้าจะถูกทำลาย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา ไม่รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเกิดบาดแผลเล็กๆ เช่น รองเท้ากัด ตะปูตำ หรือแผลพุพอง ก็จะไม่รู้ตัว แผลจึงถูกปล่อยทิ้งไว้จนลุกลาม
- หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (Peripheral Artery Disease – PAD): หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาและเท้าตีบตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงเท้าไม่เพียงพอ ส่งผลให้แผลหายยาก เมื่อเกิดแผลแล้ว เลือดที่นำออกซิเจนและสารอาหารไปซ่อมแซมแผลไม่เพียงพอ ทำให้ติดเชื้อง่ายและลุกลามอย่างรวดเร็ว
จากสองกลไกนี้ ทำให้แผลเล็กๆ ที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานสามารถกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและเหมาะสม

ดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดแผล: เคล็ดลับการป้องกัน “เท้าเบาหวาน
การป้องกันคือสิ่งที่ดีที่สุด! การดูแลเท้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลได้อย่างมาก [3, 4]:
- ตรวจสอบเท้าทุกวัน:
- ตรวจดูความผิดปกติของเท้าทุกวัน ทั้งใต้ฝ่าเท้า ซอกนิ้วเท้า ส้นเท้า และเล็บ โดยอาจใช้กระจกช่วย หรือให้คนในครอบครัวช่วยดูให้ หากพบรอยแดง บาดแผล แผลพุพอง ตาปลา หนังแข็ง บวม หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้รีบปรึกษาแพทย์
- ตรวจดูความผิดปกติของเท้าทุกวัน ทั้งใต้ฝ่าเท้า ซอกนิ้วเท้า ส้นเท้า และเล็บ โดยอาจใช้กระจกช่วย หรือให้คนในครอบครัวช่วยดูให้ หากพบรอยแดง บาดแผล แผลพุพอง ตาปลา หนังแข็ง บวม หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้รีบปรึกษาแพทย์
- ล้างเท้าให้สะอาดทุกวัน:
- ล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำอุ่น (ไม่ใช่น้ำร้อน) อย่างเบามือ
- เช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า เพื่อป้องกันการอับชื้นและเชื้อรา
- ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวเท้า:
- ทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณหลังเท้า ฝ่าเท้า และส้นเท้า เพื่อป้องกันผิวแห้งแตก แต่ ห้ามทาบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นและเชื้อราได้
- ทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณหลังเท้า ฝ่าเท้า และส้นเท้า เพื่อป้องกันผิวแห้งแตก แต่ ห้ามทาบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นและเชื้อราได้
- ตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี:
- ตัดเล็บเท้าเป็นแนวตรง ไม่ตัดลึกหรือตัดมุมเล็บให้โค้งมน เพื่อป้องกันเล็บขบ
- ตะไบขอบเล็บให้เรียบ
- หากมีปัญหาเล็บหนา ขบ หรือติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า
- เลือกถุงเท้าที่เหมาะสม:
- สวมถุงเท้าที่สะอาด ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้ดี
- เลือกถุงเท้าที่ไม่มีตะเข็บหนาหรือตะเข็บรัดแน่นเกินไป
- เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน
- สวมรองเท้าที่เหมาะสมและปลอดภัย:
- เลือกซื้อรองเท้าที่มีขนาดพอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป มีหน้าเท้ากว้าง หัวรองเท้าไม่บีบปลายเท้า
- เลือกรองเท้าที่พื้นรองเท้ามีความหนาและนุ่ม เพื่อลดแรงกระแทก
- ควรเป็นรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าที่มีสายรัดส้น เพื่อป้องกันเท้าจากของมีคม
- ห้ามเดินเท้าเปล่า โดยเด็ดขาด ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
- ตรวจสอบด้านในรองเท้าก่อนสวมทุกครั้ง ว่ามีก้อนกรวด ตะปู หรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำให้เกิดแผลได้
- ห้ามบีบ กด แกะ หรือตัดตาปลา/หนังแข็งเอง:
- การทำเองอาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า
- การทำเองอาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี:
- นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทุกชนิด รวมถึงปัญหาเท้าเบาหวานด้วย
เมื่อมีแผลที่เท้าเบาหวาน ต้องทำอย่างไร? รีบรักษา อย่ารอช้า!
หากคุณพบว่ามีแผลหรือความผิดปกติใดๆ ที่เท้า ห้ามละเลยเด็ดขาด และปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างเร่งด่วน [5]:
- หยุดกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงกด: เช่น การเดิน หรือการยืนลงน้ำหนักที่เท้าข้างนั้น เพื่อลดการเสียดสีและป้องกันแผลลุกลาม
- ทำความสะอาดแผลเบื้องต้น: ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ หรือน้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Normal Saline) อย่างเบามือ แล้วซับให้แห้ง
- ปิดแผลด้วยวัสดุที่สะอาด: ใช้ผ้าก๊อซหรือวัสดุปิดแผลที่ปราศจากเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม
- รีบพบแพทย์ทันที:ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่ว่าแผลจะเล็กแค่ไหนก็ตาม การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อรุนแรง และการต้องสูญเสียอวัยวะ
สิ่งที่แพทย์จะทำเมื่อคุณมีแผลเบาหวาน:
- ประเมินขนาด ความลึก และการติดเชื้อของแผล
- ทำความสะอาดแผลอย่างละเอียด และตัดเนื้อตายออก
- พิจารณาการให้ยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) หากมีการติดเชื้อ
- จัดหาวัสดุปิดแผลที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
- อาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจหลอดเลือดเท้า หรือเอ็กซเรย์กระดูกเท้า
- ในกรณีที่รุนแรง อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำความสะอาดแผล หรือแก้ไขปัญหาโครงสร้างเท้า
สรุป: เท้าคือหน้าต่างสู่สุขภาพเบาหวานของคุณ
เท้าเบาหวาน เป็นภาวะที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด การ ดูแลเท้าเบาหวานไม่ให้เกิดแผล อย่างเคร่งครัดทุกวัน และการรีบ ไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีแผล คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณรักษาเท้าไว้ได้ หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี การดูแลเท้าที่ดีคือการแสดงความรักต่อตัวเองและเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนของคุณครับ
“เท้าของคุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิด! อย่ารอให้เกิดแผลแล้วค่อยดูแล หากคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวานและต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลสุขภาพเท้า หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับแผลที่เท้า รีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าทันที เพื่อการดูแลที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- American Diabetes Association. (n.d.). Foot Complications. Retrieved from https://diabetes.org/diabetes/foot-complications
- National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (n.d.). Diabetic Neuropathy. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-
information/diabetes/overview/preventing-problems/nerve-damage-diabetic-neuropathies - Mayo Clinic. (2024, May 09). Diabetic foot: Care and prevention. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetic-neuropathy/in-depth/diabetic-foot/art-20044955
- สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (น.ด.). การดูแลเท้าของผู้ป่วยเบาหวาน. เข้าถึงได้จาก: https://www.dmthai.org/attachments/article/409/Foot_Care.pdf
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, April 20). Foot Care. Retrieved from https://www.cdc.gov/diabetes/managing/foot-care.html
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com