เบาหวานกับสุขภาพช่องปาก: ดูแลอย่างไรไม่ให้ “ฟันผุ-เหงือกอักเสบ” กำเริบ?

คุณรู้หรือไม่ว่า เบาหวาน ส่งผลต่อ สุขภาพช่องปาก ของคุณอย่างไร? มาเรียนรู้ วิธีดูแลฟันผุและเหงือกอักเสบ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อป้องกันปัญหาช่องปากที่อาจรุนแรงขึ้น

เบาหวานกับสุขภาพช่องปาก: ดูแลอย่างไรไม่ให้ “ฟันผุ-เหงือกอักเสบ” กำเริบ?

เมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน หลายคนมักนึกถึงภาวะแทรกซ้อนที่ตา ไต หัวใจ หรือเท้า แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและมักถูกมองข้ามคือ สุขภาพช่องปากและฟัน ครับ คุณทราบหรือไม่ว่าภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังของผู้ป่วยเบาหวานส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพในช่องปาก ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เช่น ฟันผุ และ เหงือกอักเสบ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป บทความนี้จะไขข้อข้องใจว่า เบาหวานกับสุขภาพช่องปาก เกี่ยวข้องกันอย่างไร และคุณจะ ดูแลช่องปากและฟัน ของคุณอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้กำเริบและส่งผลกระทบต่อการควบคุมเบาหวานโดยรวม

ทำไม “เบาหวาน” ถึงส่งผลกระทบต่อ “สุขภาพช่องปาก”?

ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงอย่างต่อเนื่องในผู้ป่วยเบาหวาน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อปัญหาในช่องปากหลายประการ [1, 2]:

  1. น้ำตาลในน้ำลายสูง: เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง น้ำตาลในน้ำลายก็จะสูงตามไปด้วย ทำให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟัน นำไปสู่ ฟันผุ ได้ง่าย
  2. ภูมิคุ้มกันลดลง: เบาหวานที่ควบคุมไม่ดีจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ยากขึ้น ทำให้เหงือกและเนื้อเยื่อรอบฟันติดเชื้อได้ง่ายขึ้น กลายเป็น เหงือกอักเสบ และลุกลามเป็น โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ซึ่งเป็นภาวะเหงือกและกระดูกที่รองรับฟันถูกทำลายอย่างรุนแรง
  3. หลอดเลือดฝอยในเหงือกเสียหาย: น้ำตาลที่สูงเรื้อรังทำลายหลอดเลือดฝอยเล็กๆ ในเหงือก ทำให้เลือดไปเลี้ยงเหงือกไม่เพียงพอ เหงือกจึงอ่อนแอและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และแผลหายช้าลง
  4. น้ำลายลดลง/ปากแห้ง (Dry Mouth): เบาหวานบางรายอาจมีภาวะปากแห้งจากการทำงานของต่อมน้ำลายที่ผิดปกติ น้ำลายมีหน้าที่สำคัญในการล้างเศษอาหารและกรดในช่องปาก เมื่อน้ำลายน้อยลง จึงเพิ่มความเสี่ยงฟันผุและปัญหาเหงือก
  5. ชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush): ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อราในช่องปาก เนื่องจากระดับน้ำตาลที่สูงและภูมิคุ้มกันที่ลดลง

ปัญหาช่องปากที่พบบ่อยในผู้ป่วย “เบาหวาน”

เมื่อคุณเป็นเบาหวาน คุณอาจเสี่ยงต่อปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น [1, 3]:

  • ฟันผุ (Cavities): เนื่องจากน้ำตาลในน้ำลายสูงและน้ำลายลดลง
  • เหงือกอักเสบ (Gingivitis): เหงือกแดง บวม มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
  • โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis): ภาวะที่เหงือกและกระดูกรองรับฟันถูกทำลาย ฟันโยก และอาจหลุดได้
  • ปากแห้ง (Dry Mouth): ทำให้รู้สึกไม่สบาย เจ็บลิ้น และมีปัญหาในการเคี้ยว กลืน และพูด
  • การติดเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush/Candidiasis): มีฝ้าขาวเป็นหย่อมๆ ในช่องปาก หรือบนลิ้น
  • แผลในช่องปากหายช้า: เมื่อเกิดแผลหรือถอนฟัน แผลอาจหายช้ากว่าปกติและเสี่ยงติดเชื้อ

ที่สำคัญคือ:

ปัญหาเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์อักเสบรุนแรงสามารถส่งผลกระทบย้อนกลับไปทำให้น้ำตาลในเลือดควบคุมได้ยากขึ้นด้วย เนื่องจากเชื้อโรคที่อยู่ในเหงือกจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายต่ออินซูลิน [4]

ดูแลอย่างไรไม่ให้ “ฟันผุ-เหงือกอักเสบ” กำเริบ? เคล็ดลับการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน [3, 4, 5]:

  1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี: นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด! การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาช่องปากได้อย่างมาก

  2. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง:
    • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) ครั้งละ 2 นาที
    • เน้นการแปรงบริเวณที่ฟันกับเหงือกมาบรรจบกันอย่างเบามือ
    • ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์

  3. ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน:
    • ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง

  4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่เหมาะสม:
    • หากมีอาการปากแห้ง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก เช่น น้ำลายเทียม หรือน้ำยาบ้วนปากที่ปราศจากแอลกอฮอล์
    • ปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใช้น้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสม

  5. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากและล้างเศษอาหาร

  6. งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้โรคเหงือกและฟันผุรุนแรงขึ้น และยังทำให้แผลหายช้า

  7. พบทันตแพทย์เป็นประจำ:
    • ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและทำความสะอาดฟัน (ขูดหินปูน) อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์
    • แจ้งทันตแพทย์เสมอว่าคุณเป็นเบาหวาน และแจ้งระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
    • หากมีปัญหาช่องปาก เช่น เหงือกบวมแดง มีเลือดออก ฟันโยก หรือมีแผลในปาก ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที

สรุป: ช่องปากแข็งแรง เบาหวานก็ควบคุมง่ายขึ้น!

สุขภาพช่องปาก ที่ดีเป็นส่วนสำคัญของสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยเบาหวาน การดูแล ฟันผุและเหงือกอักเสบ อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สดใส แต่ยังส่งผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ของเบาหวานด้วยครับ อย่าลืมว่าการดูแลตัวเองเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ที่ใกล้ตัวที่สุดอย่างช่องปากของเรานี่เอง!

“อย่ารอให้ปัญหาช่องปากบานปลาย! หากคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวานและยังไม่ได้ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก ปรึกษาทันตแพทย์และแพทย์ผู้ดูแลเบาหวานของคุณ เพื่อการดูแลที่เหมาะสมและครบวงจร”


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. American Diabetes Association. (n.d.). Diabetes and Oral Health. Retrieved from https://diabetes.org/diabetes/dental-care
  2. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (n.d.). Diabetes & Oral Health. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/diabetes/overview/preventing-problems/mouth-dental-problems
  3. Mayo Clinic. (2024, May 09). Diabetes and dental health: A guide for good oral hygiene. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-and-dental-health/art-20044390
  4. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (น.ด.). ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน. เข้าถึงได้จาก: https://www.dmthai.org/attachments/article/409/Complications%20of%20DM.pdf (อ้างอิงส่วนที่เกี่ยวกับผลกระทบต่อเหงือกและฟัน)
  5. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, April 20). Diabetes and Oral Health. Retrieved from https://www.cdc.gov/diabetes/managing/dental.html

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com


แชร์

ยังไม่มีบัญชี