เบาหวานกับการตั้งครรภ์: ดูแลคุณแม่และลูกน้อยให้ปลอดภัย

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และเป็นเบาหวาน หรือเสี่ยงเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ต้องรู้! มาเรียนรู้วิธี ดูแลตัวเองและลูกน้อยให้ปลอดภัย จากภาวะแทรกซ้อนของ เบาหวานกับการตั้งครรภ์ อย่างถูกวิธี

เบาหวานกับการตั้งครรภ์: ดูแลคุณแม่และลูกน้อยให้ปลอดภัย (สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติ)

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและละเอียดอ่อนสำหรับคุณแม่ทุกคน แต่สำหรับคุณแม่ที่เผชิญกับภาวะ เบาหวานกับการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวานที่มีอยู่ก่อนแล้ว (Pre-existing Diabetes) หรือเบาหวานที่เพิ่งตรวจพบขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus – GDM) การดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิดยิ่งมีความสำคัญเป็นสองเท่า เพราะระดับน้ำตาลที่ควบคุมไม่ได้ ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วย [1] บทความนี้จะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ เบาหวานกับการตั้งครรภ์ และแนวทางในการ ดูแลคุณแม่และลูกน้อยให้ปลอดภัย ตลอดการตั้งครรภ์

ประเภทของ “เบาหวานกับการตั้งครรภ์”

เมื่อพูดถึงเบาหวานในคุณแม่ตั้งครรภ์ เราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก [1, 2]:

  1. เบาหวานที่มีอยู่ก่อนตั้งครรภ์ (Pre-existing Diabetes): คือคุณแม่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน (ชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2) มาก่อนที่จะตั้งครรภ์ คุณแม่กลุ่มนี้ต้องวางแผนการตั้งครรภ์ล่วงหน้า และควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
  2. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus – GDM): คือภาวะที่ตรวจพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติเป็นครั้งแรกขณะตั้งครรภ์ มักพบในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์ โดยปกติภาวะนี้จะหายไปเองหลังคลอด แต่คุณแม่กลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต

ทำไม “เบาหวานกับการตั้งครรภ์” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง?

ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกที่คุณแม่เป็นเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว และในช่วง 3 เดือนหลังสำหรับคุณแม่ที่พบเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อย [1, 3]:

ภาวะแทรกซ้อนต่อคุณแม่:

  • ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia): ความดันโลหิตสูงและมีโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูก
  • ติดเชื้อ: มีความเสี่ยงในการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้ออื่นๆ สูงขึ้น
  • คลอดยาก/ผ่าคลอด: เนื่องจากทารกตัวโต ทำให้คลอดยากและอาจต้องผ่าคลอด
  • ตกเลือดหลังคลอด:
  • เกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต: โดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM)

ภาวะแทรกซ้อนต่อลูกน้อย:

  • ตัวโตผิดปกติ (Macrosomia): ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดมากเกินไป (มักเกิน 4,000 กรัม) ทำให้คลอดยาก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บระหว่างคลอด เช่น กระดูกไหปลาร้าหัก หรือเส้นประสาทที่ไหล่เสียหาย
  • น้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด (Neonatal Hypoglycemia): เมื่อทารกคลอดออกมา ร่างกายยังคงผลิตอินซูลินในปริมาณมากเหมือนตอนอยู่ในครรภ์ แต่ไม่ได้รับน้ำตาลจากแม่แล้ว ทำให้น้ำตาลในเลือดทารกต่ำลงอย่างรวดเร็ว
  • ภาวะหายใจลำบาก (Respiratory Distress Syndrome): ปอดของทารกอาจเจริญไม่เต็มที่ ทำให้หายใจลำบากหลังคลอด
  • ความเสี่ยงต่อภาวะอ้วนและเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต: ทารกที่เกิดจากแม่ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอ้วนและเบาหวานในวัยเด็กและผู้ใหญ่
  • ความผิดปกติแต่กำเนิด: โดยเฉพาะหากคุณแม่เป็นเบาหวานอยู่ก่อนแล้วและควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดีในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์

ดูแลคุณแม่และลูกน้อยให้ปลอดภัย: สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติ

การดูแลเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างคุณแม่และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ [2, 4]:

  1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเข้มงวด: นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด
    • เป้าหมายระดับน้ำตาลในเลือดขณะตั้งครรภ์ (อาจแตกต่างกันไปตามคำแนะนำของแพทย์):
      • ก่อนอาหาร: 60-95 mg/dL
      • 1 ชั่วโมงหลังอาหาร: น้อยกว่า 140 mg/dL
      • 2 ชั่วโมงหลังอาหาร: น้อยกว่า 120 mg/dL
    • ตรวจน้ำตาลด้วยตัวเองบ่อยครั้ง: แพทย์จะแนะนำให้คุณแม่ตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้วหลายครั้งต่อวัน เพื่อติดตามผลอย่างใกล้ชิด
    • ตรวจค่าน้ำตาลสะสม (HbA1c): แพทย์จะตรวจ HbA1c เป็นระยะ เพื่อดูภาพรวมของการควบคุมน้ำตาล (โดยทั่วไปเป้าหมายคือต่ำกว่า 6.0-6.5% หากทำได้โดยไม่เกิดภาวะน้ำตาลต่ำบ่อยๆ)

  2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน:
    • ปรึกษาโภชนากร: เพื่อวางแผนการกินที่เหมาะสม เน้นอาหารครบ 5 หมู่ ลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (น้ำตาล ขนมหวาน) เพิ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง ธัญพืช) โปรตีนไม่ติดมัน และผักผลไม้ที่มีใยอาหารสูง [5]
    • แบ่งมื้ออาหาร: กินอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น (5-6 มื้อต่อวัน) แทนการกิน 3 มื้อใหญ่ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้พุ่งสูง
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้น้ำตาลพุ่ง: เช่น น้ำหวาน ขนมหวานจัด ผลไม้หวานจัดบางชนิด

  3. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม:
    • ปรึกษาแพทย์: ก่อนเริ่มหรือเปลี่ยนประเภทการออกกำลังกาย
    • เลือกกิจกรรมที่ปลอดภัย: เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะสำหรับคนท้อง วันละ 20-30 นาที อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
    • ช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินได้ดีขึ้น: และควบคุมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

  4. การใช้ยา (หากจำเป็น):
    • อินซูลิน: หากการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายไม่เพียงพอ แพทย์จะพิจารณาให้ ฉีดอินซูลิน ซึ่งเป็นยาที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ [4]
    • ยาเม็ดลดน้ำตาล: ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณายาเม็ดบางชนิดที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  5. พบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด:
    • แพทย์จะนัดตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินระดับน้ำตาล ตรวจสุขภาพคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
    • มีการตรวจอัลตราซาวด์บ่อยขึ้น เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารก และปริมาณน้ำคร่ำ

  6. การดูแลหลังคลอด:
    • สำหรับ GDM: ส่วนใหญ่ระดับน้ำตาลจะกลับมาปกติหลังคลอด แต่ต้องตรวจคัดกรองเบาหวานซ้ำในช่วง 6-12 สัปดาห์หลังคลอด และควรตรวจติดตามเป็นประจำทุก 1-3 ปี เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต [2]
    • สำหรับ Pre-existing Diabetes: ต้องดูแลการรักษาเบาหวานอย่างต่อเนื่องหลังคลอด

สรุป: ความใส่ใจคือรักแท้สำหรับแม่และลูก

เบาหวานกับการตั้งครรภ์ เป็นความท้าทายที่คุณแม่ต้องเผชิญ แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง การดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด และการปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด คุณแม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และส่งมอบสุขภาพที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยได้ การดูแลตัวเองในวันนี้ คือการสร้างรากฐานสุขภาพที่แข็งแรงให้กับลูกน้อยในวันหน้าครับ

“หากคุณกำลังตั้งครรภ์และเป็นเบาหวาน หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานและสูติแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณและลูกน้อย”


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. American Diabetes Association. (n.d.). Diabetes and Pregnancy. Retrieved from https://diabetes.org/diabetes/diabetes-and-pregnancy
  2. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, April 20). Diabetes During Pregnancy. Retrieved from https://www.cdc.gov/diabetes/basics/gestational.html
  3. Mayo Clinic. (2024, May 09). Gestational diabetes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gestational-diabetes/symptoms-causes/syc-20355339
  4. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (n.d.). Diabetes in Pregnancy. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/diabetes/diabetes-pregnancy
  5. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (น.ด.). เบาหวานกับการตั้งครรภ์. เข้าถึงได้จาก: https://www.dmthai.org/attachments/article/409/DM%20in%20Pregnancy_V2.pdf

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com


แชร์

ยังไม่มีบัญชี