โรคเริม (Herpes Simplex Virus – HSV) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มักแฝงตัวอยู่ในร่างกาย และกำเริบขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มี “ภูมิคุ้มกันต่ำ” ไม่ว่าจะจากโรคประจำตัว ยารักษาโรค หรือพฤติกรรมที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
ภูมิคุ้มกันมีผลกับเริมอย่างไร?
ไวรัสเริมสามารถแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และร่างกายจะควบคุมไวรัสได้ด้วยระบบภูมิคุ้มกัน หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไวรัสจะ “ฟื้นตัว” และก่อให้เกิดอาการ เช่น ตุ่มใส เจ็บ แผล หรือเริมขึ้นที่เดิมซ้ำ ๆ
กลุ่มเสี่ยงที่ภูมิคุ้มกันต่ำและเริมมักกำเริบบ่อย
- ผู้ป่วย HIV หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่รับเคมีบำบัดหรือยากดภูมิ
- ผู้ที่อดนอนเรื้อรัง หรือเครียดต่อเนื่อง
- ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ตับ, ไต)
- ผู้ที่ขาดสารอาหารหรือรับประทานอาหารไม่ครบหมู่
อาการของเริมในผู้ที่ภูมิต่ำ มักรุนแรงกว่าปกติ
- แผลมีขนาดใหญ่ขึ้น
- แผลหายช้ากว่าปกติ (มากกว่า 2 สัปดาห์)
- แผลอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตา, ช่องปาก, ลำคอ
- เสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนสูง
- ในบางราย อาจต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัสชนิดฉีดหรือให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล
วิธีเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อลดโอกาสเริมกำเริบ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ (วันละ 6–8 ชั่วโมง)
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน C, Zinc และ Lysine สูง
- หลีกเลี่ยงความเครียดและพักฟื้นหากร่างกายอ่อนเพลีย
- ปรึกษาเภสัชกรได้ที่ร้านขายยาคุณภาพ หากสงสัยว่าภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือกำลังรับยากดภูมิ
อ่านเพิ่มเติม: [แผลเริมกับอาหาร – กินอะไรดี? อะไรควรเลี่ยง?]
สิ่งที่ไม่ควรทำหากรู้ตัวว่าภูมิคุ้มกันต่ำ
- 🚫 ไม่ดูแลแผลเริมอย่างใกล้ชิดเมื่อกำเริบ
- 🚫 ละเลยอาการแผลที่หายช้าเกิน 10 วัน
- 🚫 ใช้ยาต้านไวรัสเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- 🚫 ปล่อยให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นเวลานาน
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- Mayo Clinic. Herpes simplex and immune suppression. mayoclinic.org
- CDC. HSV in immunocompromised patients. cdc.gov
- NHS. Herpes and weakened immunity. nhs.uk
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com