แผลริมแข็ง (Chancre) คืออะไร และต้องรักษายังไง

แผลริมแข็ง (Chancre) คือรอยโรคหลักที่เกิดขึ้นในระยะแรกของโรคซิฟิลิส (Syphilis) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย [1] ลักษณะเด่นของแผลริมแข็งคือเป็นแผลเดี่ยวที่มักจะไม่เจ็บ มีขอบนูนและแข็ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย

สาเหตุ (Causes) แผลริมแข็งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Treponema pallidum ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคซิฟิลิส [2] การติดเชื้อเกิดขึ้นจากการสัมผัสโดยตรงกับแผลริมแข็งของคนที่เป็นโรคซิฟิลิสผ่านทางเพศสัมพันธ์ (เช่น การสอดใส่ทางช่องคลอด, ทวารหนัก, หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก)

อาการ (Symptoms) อาการของแผลริมแข็งจะปรากฏในช่วง ระยะที่ 1 ของโรคซิฟิลิส ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 10-90 วัน (เฉลี่ย 21 วัน) [2]


  • แผล: เป็นแผลเดี่ยวขนาดเล็ก รูปทรงกลมหรือรี
  • ลักษณะแผล: แข็ง (สัมผัสแล้วรู้สึกแข็งที่บริเวณขอบแผล), ไม่เจ็บ หรือเจ็บเพียงเล็กน้อย, และมีสีแดงเข้ม
  • ตำแหน่ง: มักจะเกิดบริเวณอวัยวะเพศ (องคชาต, อัณฑะ, แคมช่องคลอด), ทวารหนัก, ช่องปาก, ริมฝีปาก, หรือในช่องคลอด [1]
  • การหายของแผล: แม้ไม่ได้รับการรักษา แผลริมแข็งจะสามารถหายไปได้เองภายใน 3-6 สัปดาห์ แต่เชื้อแบคทีเรียยังคงอยู่ในร่างกายและจะลุกลามไปยังระยะต่อไป ซึ่งอันตรายมากกว่า

การวินิจฉัย (Diagnosis) แพทย์จะวินิจฉัยจาก [2]:

  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจดูบริเวณแผลและซักประวัติพฤติกรรมเสี่ยง
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ:
    • การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบ Darkfield: นำตัวอย่างจากสารคัดหลั่งของแผลไปส่องดูเชื้อแบคทีเรียโดยตรง
    • การตรวจเลือด (Serological Tests): ตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อซิฟิลิสในเลือด เช่น การตรวจ RPR หรือ VDRL และยืนยันผลด้วยการตรวจเฉพาะเจาะจง เช่น TP-PA หรือ FTA-ABS

การรักษา (Treatment) การรักษาโรคซิฟิลิสในระยะที่ 1 (ที่มีแผลริมแข็ง) สามารถทำได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ [2]

  • ยาเพนนิซิลลิน จี (Benzathine Penicillin G): การฉีดยาเพนนิซิลลินเข้ากล้ามเนื้อเพียงครั้งเดียว ถือเป็นการรักษามาตรฐานที่ได้ผลดีที่สุด
  • ยาปฏิชีวนะทางเลือก: สำหรับผู้ที่แพ้ยาเพนนิซิลลิน แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่น เช่น ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) หรือเตตร้าไซคลิน (Tetracycline) แทน [1]

การป้องกัน (Prevention)

  • เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย: ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอและถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • การตรวจคัดกรอง: เข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหลายคน
  • การแจ้งคู่รัก: เมื่อรู้ว่าตนเองติดเชื้อ ควรแจ้งให้คู่รักทราบเพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที

อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน เนื่องจากแผลริมแข็งเป็นอาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การรักษาจึงต้องใช้ยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น อาหารเสริมไม่สามารถใช้รักษาโรคซิฟิลิสได้ แต่สามารถใช้เพื่อช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ในระหว่างการรักษา [4]:

  • วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยในการสมานแผล
  • สังกะสี (Zinc): มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและช่วยในการฟื้นตัวของเซลล์
  • วิตามินบีรวม (B-Complex Vitamins): ช่วยในการเผาผลาญพลังงานและบำรุงระบบประสาท ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในระหว่างการฟื้นตัวจากอาการป่วย

ข้อควรระวัง: ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ ห้ามใช้อาหารเสริมแทนยาที่แพทย์สั่งโดยเด็ดขาด


ข้อมูลอ้างอิง

  1. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2022, November 8). Syphilis: Fact Sheet. Retrieved from https://www.cdc.gov/std/syphilis/stdfact-syphilis-detailed.htm
  2. Mayo Clinic. (2023, April 20). Syphilis. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/syphilis/symptoms-causes/syc-20351756
  3. หาหมอ.com. (n.d.). โรคซิฟิลิส (Syphilis). Retrieved from https://haamor.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%AA
  4. National Institutes of Health (NIH). (2022, December 14). Zinc. Retrieved from https://ods.od.nih.gov/factsheets/Zinc-HealthProfessional/


เรียบเรียงโดย (Compiled by)  : www.chulalakpharmacy.com

บทความที่คุณอาจสนใจ

  • แชร์

    ยังไม่มีบัญชี