ฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของผู้ชาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความหนาแน่นของกระดูก, มวลกล้ามเนื้อ, ระดับพลังงาน, และสุขภาพจิต [1] การตรวจสุขภาพฮอร์โมนเพศชายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยภาวะ พร่องฮอร์โมนเพศชาย (Hypogonadism) ได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ
ใครที่ควรตรวจ? สัญญาณที่บ่งบอกว่า “จำเป็น”
การตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศชายไม่ได้จำเป็นสำหรับผู้ชายทุกคน แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการเหล่านี้:
| กลุ่มเป้าหมายที่ควรตรวจ | สัญญาณและอาการที่บ่งบอกถึงฮอร์โมนต่ำ [2] |
|---|---|
| ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป | เมื่อระดับฮอร์โมนเริ่มลดลงตามธรรมชาติ |
| ผู้ที่มีอาการชัดเจน | ความต้องการทางเพศลดลงอย่างต่อเนื่อง (Low Libido) |
| ผู้ที่มีภาวะโรคเรื้อรัง | โรคอ้วนลงพุง, เบาหวานชนิดที่ 2, โรคความดันโลหิตสูง |
| ผู้ที่มีปัญหาด้านอารมณ์ | อาการซึมเศร้า, หงุดหงิดง่าย, อ่อนเพลียเรื้อรัง, นอนไม่หลับ |
| ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ | มวลกล้ามเนื้อลดลง, มีไขมันสะสมเพิ่มขึ้นบริเวณหน้าท้อง, ผมร่วง |
ส่งออกไปยังชีต
หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกันมากกว่า 2-3 ข้อเป็นระยะเวลานาน การตรวจเพื่อวัดระดับฮอร์โมนถือว่า มีความจำเป็น อย่างยิ่ง เพื่อแยกแยะว่าอาการเกิดจากภาวะฮอร์โมนต่ำ หรือจากสาเหตุอื่น ๆ
การตรวจวัดผลทำได้อย่างไร?
การตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศชายทำได้โดยการเจาะเลือดเพื่อวัดค่า Total Testosterone โดยมีข้อควรทราบที่สำคัญ:
อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน
อาหารเสริมเหล่านี้อาจช่วยรักษาระดับฮอร์โมนให้สมดุล แต่ไม่สามารถทดแทนการรักษาในผู้ที่ฮอร์โมนต่ำมากได้
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
เรียบเรียงโดย (Compiled by) : www.chulalakpharmacy.com
ยังไม่มีบัญชี
