โรคผมร่วงเป็นหย่อมจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Alopecia Areata) สาเหตุ อาการ และการรักษา

Alopecia Areata คือโรคผมร่วงชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยมีลักษณะเฉพาะคือ ผมร่วงเป็นหย่อมกลมหรือวงรี บนหนังศีรษะหรือบริเวณอื่นของร่างกาย สาเหตุหลักเกิดจาก ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ และไปทำลายรากผมโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากอะไร แม้โรคนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่สามารถส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาพจิตใจได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผมร่วงรุนแรง

สาเหตุของ Alopecia Areata

Alopecia Areata จัดอยู่ในกลุ่ม โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Disease) ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยไปมองว่า “รากผม” เป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำลายเนื้อเยื่อที่รากผม ทำให้เส้นผมหลุดร่วงออก

ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

  • กรรมพันธุ์: หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น
  • ความเครียด: อาจกระตุ้นให้เกิดหรือทำให้อาการแย่ลง
  • โรคภูมิแพ้หรือโรคแพ้ภูมิตนเองอื่น ๆ: เช่น โรคไทรอยด์, วิติลิโก (ผิวด่างขาว), หรือโรคลูปัส
  • สิ่งแวดล้อมและการติดเชื้อไวรัสบางชนิด

🧪 อาการของโรค

  • ผมร่วงเฉพาะที่ เป็นหย่อมกลมหรือวงรี ขนาดตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร
  • หนังศีรษะในบริเวณผมร่วงจะดูเรียบเนียน ไม่มีสะเก็ด ไม่มีการอักเสบ
  • เส้นผมอาจขึ้นใหม่ได้ภายใน 3–6 เดือน แต่ในบางรายอาการอาจลุกลาม
  • ผมร่วงอาจเกิดที่คิ้ว ขนตา หรือขนตามร่างกาย
  • ในกรณีรุนแรงอาจมีผมร่วงทั่วศีรษะ (Alopecia Totalis) หรือทั่วร่างกาย (Alopecia Universalis)

การวินิจฉัย

แพทย์ผิวหนังสามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จาก:

  • การตรวจร่างกายและลักษณะของผมร่วง
  • การดึงเส้นผมบริเวณขอบของหย่อม (Hair Pull Test)
  • การส่องกล้องตรวจหนังศีรษะ (Dermatoscope)
  • การตรวจเลือดเพิ่มเติมหากสงสัยโรคอื่นร่วม เช่น ไทรอยด์ หรือโรคภูมิแพ้

การรักษา

แม้โรค Alopecia Areata ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดในระยะยาว แต่มีหลายวิธีที่ช่วยกระตุ้นการขึ้นของเส้นผม:

  1. ยาทาเฉพาะที่
    • คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Steroid Cream/Ointment)
    • Minoxidil 5% (ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม)
  2. การฉีดยาเข้าสู่ผิวหนัง (Intralesional Corticosteroids)
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมร่วงเป็นหย่อมขนาดเล็ก
    ฉีดทุก 4–6 สัปดาห์ โดยแพทย์ผิวหนัง
  3. ยารับประทาน
    เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดเม็ด (ใช้ในกรณีรุนแรง), Methotrexate หรือยากลุ่ม JAK inhibitors (ใช้เฉพาะในบางกรณี)
  4. การรักษาทางเลือก
    เช่น การฉายแสง PUVA, การกระตุ้นด้วย Anthralin หรือ DPCP (diphenylcyclopropenone)
    ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทาง
  5. ดูแลด้านจิตใจและอารมณ์
    เพราะผู้ป่วยหลายรายมีภาวะเครียด ซึมเศร้า หรือวิตกกังวลร่วมด้วย การให้กำลังใจและการดูแลทางจิตเวชอาจจำเป็นในบางกรณี

แนวทางการดูแลตนเอง

  • หลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่อ่อนโยน
  • หากผมร่วงมาก อาจใช้วิกหรือแฮร์พีซชั่วคราว เพื่อเสริมความมั่นใจ
  • เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้มีภาวะผมร่วง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้กำลังใจ



ข้อมูลอ้างอิง (แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการรวบรวมรายละเอียด):

1.Mayo Clinic
ให้ข้อมูลว่าผมร่วงเป็นหย่อมเป็นภาวะภูมิคุ้มกันทำลายรากผม ซึ่งดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมแนะแนวทางรักษาด้วยยาทา ยาฉีด และวิธีทางเลือก เช่น PUVA และ JAK inhibitors 

2.Cleveland Clinic
อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอาการ ผมร่วงชนิดแพตช์ แนะนำแนวทางการปกป้องตนเอง เช่น การใช้วิกหรือแว่นกันฝุ่น และเน้นการดูแลสุขภาพจิตควบคู่ 

3.NIAMS / NCBI (สถาบันทางการแพทย์แห่งชาติ สหรัฐฯ)
ชี้ให้เห็นกลไกของโรคว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกัน เรียบเรียงระดับอาการตั้งแต่เป็นหย่อม ไปจนถึง Alopecia totalis หรือ universalis และแนะแนวทางรักษาเฉพาะทาง เช่น corticosteroids, immunotherapy, JAK inhibitors NCBI+1MedlinePlus+1

4.MedlinePlus (U.S. National Library of Medicine)
ระบุลักษณะอาการ เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม ผิวเรียบ ไม่มีแผล แนะนำการวินิจฉัยโดยแพทย์ รวมทั้งแนวทางรักษาด้วยคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือแสง UV และทางเลือกใหม่อย่าง JAK inhibitors amerikanhastanesi.org+2MedlinePlus+2NCBI+2

5.Yale Medicine
ระบุแนวทางการวินิจฉัยโรคระดับประชากรทั่วโลก พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพันธุกรรมและปัจจัยเสี่ยง

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี