โรคร่าเริง (Lychnobite) อาการ รักษาและวิธีป้องกัน

โรคร่าเริง หากได้ยินชื่อนี้ในครั้งแรก หลายคนอาจคิดว่า เป็นโรคที่มีอาการไม่ต่างจาก โรคไฮเปอร์ ของผู้ที่มีพฤติกรรมอยู่ไม่สุขหรืออยู่ไม่นิ่ง แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ และวันนี้ CHC Pharma จะพามาทำความรู้จักกับ โรคร่าเริง กันค่ะ ว่ามีอาการเป็นอย่างไร สามารถรักษาได้หรือไม่

โรคร่าเริง (Lychnobite) คืออะไร

เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองที่ผิดปกติต่อแสงในช่วงกลางคืน ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารเคมีในสมอง เมื่อสัมผัสกับแสงในตอนกลางคืน ซึ่งทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับหรือนอนดึกเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือ ร่างกายจะรู้สึกมีพลังมากขึ้นในช่วงเวลาค่ำคืนและยากที่จะหลับในตอนกลางคืน

👉 อาการของโรคร่าเริง

คนที่เป็นโรคร่าเริงมักจะมีอาการต่างๆ ดังนี้

  1. รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในตอนกลางคืน: แม้จะรู้สึกเหนื่อยในตอนกลางวัน แต่จะรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นในตอนกลางคืน
  2. นอนไม่หลับ: ผู้ป่วยมักจะมีปัญหานอนหลับในช่วงกลางคืน แม้ว่าจะรู้สึกง่วง
  3. ตื่นสาย: มักจะตื่นช้าในช่วงกลางวัน เนื่องจากการนอนหลับในช่วงเช้าหรือบ่าย
  4. อารมณ์ผิดปกติ: บางครั้งอาจพบว่าผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนจากการนอนไม่พอ หรือจากการไม่สามารถควบคุมเวลานอน

👉 การรักษาโรคร่าเริง

การรักษาโรคร่าเริงมักจะเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน และการควบคุมการสัมผัสแสงในช่วงกลางคืน รวมถึงวิธีการอื่นๆ เช่น

  1. การบำบัดด้วยแสง: การใช้แสงบำบัดในช่วงเช้าหรือกลางวันเพื่อช่วยปรับวงจรการนอนหลับให้กลับมาเป็นปกติ
  2. การปรับตารางเวลานอน: ควรพยายามนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้จะรู้สึกง่วงหรือไม่พร้อม
  3. การลดการใช้แสงสีน้ำเงิน: การหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ที่มีแสงสีน้ำเงินก่อนนอน
  4. การใช้ยาช่วยในการนอน: ในบางกรณีอาจต้องใช้ยา เช่น เมลาโทนิน หรือยานอนหลับ เพื่อช่วยปรับวงจรการนอนให้ดีขึ้น

👉 วิธีการป้องกันโรคร่าเริง

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับ:  เช่น การจัดห้องนอนให้อุณหภูมิที่เหมาะสมและมืดสนิท
  • หลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอน : เนื่องจากแสงจากหน้าจออาจรบกวนวงจรการนอนหลับ
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต : ควรทำให้การนอนเป็นกิจวัตรที่สม่ำเสมอ เช่น การนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน

แม้ชื่อ โรคร่าเริง อาจฟังดูไม่น่ากลัว แต่ความจริงเป็นโรคที่มีอันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะยิ่งระบบการทำงานภายในร่างกายผิดเพี้ยนมากเท่าใด ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากตามไปด้วย ดังนั้น คุณควรหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น “อย่ามัวทำงาน เก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU” เลย

หากท่านมีปัญหาสุขภาพ หรือต้องการปรึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์และการใช้ยาอย่างถูกวิธี สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่หน้าร้านขายยาจุฬาลักษณ์เภสัชทุกสาขา หรือใช้บริการให้คำปรึกษา ช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทางของเรานะคะ


ข้อมูลอ้างอิง (References): 

  1. พญ. พัชรนันท์ ศรีพัฒนวัชร์ โรงพยาบาลสมิติเวช

เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี