โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis): ภาวะผิวหนังอักเสบจากไขมันและเชื้อรา

โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) หรือ ผื่นผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อย มักเกิดในบริเวณที่มี ต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) หนาแน่น เช่น หนังศีรษะ (ทำให้เกิดรังแค), ใบหน้า (บริเวณคิ้ว ข้างจมูก หลังใบหู) และ หน้าอก ลักษณะเด่นคือมี ผื่นแดง คัน มีขุยเป็นสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง ปกคลุมอยู่ [1] โรคนี้ ไม่ติดต่อ แต่เป็น ๆ หาย ๆ และมักกำเริบเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น

รายละเอียด: กลไกการออกฤทธิ์ผ่านพฤติกรรม

เซ็บเดิร์มเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของผิวหนังและต่อมไขมันร่วมกัน โดยมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการ:

  1. การผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum Overproduction): ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
  2. เชื้อรา Malassezia: เป็นเชื้อรากลุ่มยีสต์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังปกติ (Commensal) โดยกินไขมันเป็นอาหาร เมื่อน้ำมันมีมากเกินไป เชื้อราก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและปล่อยสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ [2]
  3. การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน: ร่างกายของผู้ที่เป็นเซ็บเดิร์มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเชื้อรา Malassezia ไวเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง นำไปสู่ผื่นแดงและสะเก็ดขุยในที่สุด [1]

พฤติกรรมที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้โรคกำเริบ:

  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (เช่น อากาศแห้งและเย็น)
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอมที่รุนแรง


5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทันทีเพื่อควบคุมอาการ

  1. ใช้แชมพูยาฆ่าเชื้อรา: สำหรับอาการที่หนังศีรษะ (รังแค) ให้ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole $2\%$ หรือ Selenium Sulfide สระผมและทิ้งไว้ $3-5$ นาที ก่อนล้างออก ทำตามคำแนะนำของแพทย์/เภสัชกร (มักเป็น $2$ ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงที่มีอาการ) [3]
  2. ใช้ยาทาต้านเชื้อรา: สำหรับผื่นที่ใบหน้าหรือลำตัว ให้ใช้ยาครีมที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole หรือ Clotrimazole ทาบาง ๆ บริเวณผื่นวันละ $1-2$ ครั้ง
  3. ใช้ยาทาสเตียรอยด์อ่อน ๆ (ระยะสั้น): หากผื่นมีอาการอักเสบและคันมาก แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทาที่มีสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์อ่อน (เช่น Hydrocortisone $1\%$) ให้ใช้ในระยะสั้น ๆ เพียง $3-7$ วัน เพื่อลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ห้ามใช้ติดต่อกันนาน เพราะมีผลข้างเคียง [2]
  4. หลีกเลี่ยงการแกะเกา: การแกะเกาจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
  5. จัดการความเครียด: ฝึกการผ่อนคลาย, พักผ่อนให้เพียงพอ, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดระดับความเครียดซึ่งเป็นตัวกระตุ้นหลักของโรค


อาหารเสริมที่ช่วยบำรุง ดูแล หรือป้องกัน

  • น้ำมันปลา (Fish Oil/Omega-3): มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) ซึ่งอาจช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้
  • Zinc (สังกะสี): ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมันและมีบทบาทในการควบคุมการอักเสบของผิวหนัง
  • Probiotics: การปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้อาจส่งผลดีต่อผิวหนังและลดความไวต่อการอักเสบ


ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม

  • ห้ามใช้สเตียรอยด์ชนิดแรงบนใบหน้า: การใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรงบนใบหน้าติดต่อกันนานจะทำให้เกิดผิวบาง, เส้นเลือดฝอยแตก, และอาจทำให้เซ็บเดิร์มกำเริบรุนแรงเมื่อหยุดยา
  • การดูแลผิว: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวที่ อ่อนโยน (Gentle cleanser) และ ปราศจากแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เพื่อลดการระคายเคือง
  • การวินิจฉัย: อาการของเซ็บเดิร์มอาจคล้ายกับโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง [2]

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”

ปรึกษาโรคผิวหนัง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. เซ็บเดิร์ม Seborrheic dermatitis. [ข้อมูลคำนิยามและอาการ]
  2. โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก. Seborrheic Dermatitis ผื่นไขมันอักเสบ. [ข้อมูลกลไกของ Malassezia และการรักษา]
  3. Haamor.com. โรคผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน (Seborrheic dermatitis). [ข้อมูลยาที่ใช้รักษา]

เรียบเรียงโดย (Compiled by)  : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่มีบัญชี