โพรเบเนซิด (Probenecid) ในขนาด 500 มิลลิกรัม เป็นยาที่ใช้รักษาโรคเกาต์เรื้อรัง [1] ยาตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า uricosuric agents ซึ่งหมายถึงยาที่ช่วยเพิ่มการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย [2] Probenecid ไม่ใช่ยาแก้ปวด และไม่สามารถใช้รักษาอาการปวดจากโรคเกาต์กำเริบแบบเฉียบพลันได้ แต่เป็นยาที่ใช้ในระยะยาวเพื่อป้องกันการกำเริบของโรค [1]
กลไกการออกฤทธิ์
โรคเกาต์เกิดจากภาวะที่มีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป (Hyperuricemia) ทำให้เกิดการตกผลึกของกรดยูริกใน
ข้อต่อ [3]ยา Probenecid จะออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการดูดกลับของกรดยูริกที่ไต [2] ปกติแล้วไตจะดูดซึมกรดยูริกส่วนหนึ่งกลับเข้าสู่กระแสเลือด แต่เมื่อใช้ยานี้ ไตจะขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะมากขึ้น ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดลดลง [1] เมื่อระดับกรดยูริกในเลือดลดลง ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อต่อและเนื้อเยื่อต่างๆ ได้
ประโยชน์ (ข้อบ่งใช้)
- รักษาโรคข้ออักเสบเกาต์เรื้อรัง: ใช้เพื่อลดระดับกรดยูริกในเลือด และป้องกันการกำเริบของโรคเกาต์ในระยะยาว [1]
- เพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะบางชนิด: ในบางกรณี ยา Probenecid อาจใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลินเพื่อช่วยให้ยาปฏิชีวนะอยู่ในกระแสเลือดได้นานขึ้น [2]
ขนาดยาและการบริหารยา
- ขนาดยาเริ่มต้นสำหรับผู้ใหญ่คือ 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดผลข้างเคียง จากนั้นจึงเพิ่มเป็น 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง [1]
- ดื่มน้ำให้มาก: เป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้ยานี้ เพราะการขับกรดยูริกที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดนิ่วในไตได้ การดื่มน้ำวันละประมาณ 2-3 ลิตรจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ [4]
- ทานพร้อมอาหาร: ควรรับประทานยาพร้อมอาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ [1]:
- อาการที่พบบ่อย: คลื่นไส้, เบื่ออาหาร, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, และผื่นผิวหนัง
- อาการที่รุนแรงขึ้น:
- นิ่วในไต: หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจเกิดนิ่วในไตได้เนื่องจากปริมาณกรดยูริกในปัสสาวะสูง
- ข้ออักเสบเฉียบพลัน (Gout Flare-ups): ในช่วงแรกของการรักษา ยาอาจทำให้อาการเกาต์กำเริบได้ เนื่องจากระดับกรดยูริกในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว [1]
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง: เช่น ผื่นลมพิษหรือหายใจลำบาก
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติมการใช้ยา : Probenecid 500 mg
- ห้ามใช้ในภาวะเกาต์กำเริบเฉียบพลัน: สำคัญมาก ที่ยา Probenecid ไม่ควรเริ่มใช้ ในระหว่างที่เกิดอาการปวดเกาต์แบบเฉียบพลัน [1] ควรเริ่มใช้หลังจากอาการอักเสบสงบลงแล้วเท่านั้น
- ภาวะไตทำงานบกพร่อง: ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนใช้ยานี้ เพราะยานี้ออกฤทธิ์ที่ไต และอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีไตบกพร่องรุนแรง [4]
- ห้ามใช้ร่วมกับยาแอสไพริน: ยาแอสไพริน (Aspirin) หรือยาในกลุ่มซาลิไซเลต (Salicylates) สามารถลดประสิทธิภาพของยา Probenecid ได้อย่างมาก จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกัน [1]
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาอื่น: ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังใช้ยาอื่น ๆ อยู่ เช่น ยาเมทโธเทรกเซท (Methotrexate) หรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) บางชนิด
ยี่ห้อยาที่มีส่วนประกอบในไทย
ยา Probenecid มีวางจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้ชื่อสามัญ (Generic Name) โดยตรง ซึ่งมีหลายผู้ผลิต [5]
แหล่งซื้อยา (ระบุว่าต้องมีใบสั่งแพทย์)
ยา Probenecid เป็น ยาอันตราย ในประเทศไทย [5] จึง ต้องได้รับใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น จึงจะสามารถซื้อได้จาก:
- โรงพยาบาลและคลินิกที่มีการจ่ายยา
- ร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ
ข้อมูลอ้างอิง
- Drugs.com. (n.d.). Probenecid. Retrieved from https://www.drugs.com/probenecid.html
- MedlinePlus. (n.d.). Probenecid. Retrieved from https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682544.html
- Mayo Clinic. (2022, December 10). Gout. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gout/symptoms-causes/syc-20372897
- American College of Rheumatology. (2012, September). Gout. Retrieved from https://www.rheumatology.org/I-Am-A/Patient-Caregiver/Diseases-Conditions/Gout
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.). (n.d.). รายละเอียดข้อมูลยา/ผลิตภัณฑ์สมุนไพร. Retrieved from https://ndi.fda.moph.go.th/drug_detail/index/?rctype=1C&rcno=1100062®ister=MUMgNjIvNDg=
เรียบเรียงโดย (Compiled by) : www.chulalakpharmacy.com