Tiotropium (ไทโอโทรเปียม) เป็นยาในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinic) หรือแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) เป็นยารักษาโรคปอด อย่างโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และช่วยป้องกันอาการหายใจมีเสียงหวีดและหายใจไม่อิ่ม โดยตัวยาออกฤทธิ์ช่วยขยายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น ยาแผนปัจจุบันของยานี้จะเป็นสารละลายในรูปแบบสเปรย์เข้าทางปากและชนิดแคปซูลซึ่งไม่ได้มีไว้สำหรับรับประทานแต่ต้องนำไปบรรจุใส่ในอุปกรณ์พ่นยาผ่านทางปากเช่นกัน
ตัวยาไทโอโทรเปียมมีการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารได้ไม่ดีนัก แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านทางปอดแทน เมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือดจะต้องใช้เวลาประมาณ 25 ชั่วโมงก่อนที่จะถูก ขับทิ้งไปกับปัสสาวะ ยานี้เหมาะที่จะใช้กับผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป มีข้อห้ามใช้ยาไทโอโทรเปียมกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้และไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยาในกลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิกตัวอื่นอย่างเช่น Ipratropium เป็นต้น
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไทโอโทรเปียม
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไทโอโทรเปียมคือ ยานี้เป็นตัวยาประเภท Muscarinic receptor antagonist/Antimuscarinic เมื่อตัวยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจากทางหลอดลม/ปอด จะทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังหลอดลมลดการหดตัวและส่งผลให้หลอดลมขยายตัว ทั้งช่วยลดการหลั่งสารเมือก/สารคัดหลั่งของผนังหลอดลมอีกด้วย จากกลไกเหล่านี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

รูปแบบการจัดจำหน่ายยาไทโอโทรเปียม
ยาไทโอโทรเปียมมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาพ่นสเปรย์เข้าทางปากโดยแบ่งเป็นรูป แบบผลิตภัณฑ์ดังนี้
- ชนิดแคปซูลที่ต้องบรรจุอุปกรณ์การพ่นยา (Device) ขนาด 18 ไมโครกรัม/แคปซูล
- ชนิดสารละลายที่บรรจุขวดขนาด 1.25 และ 2.5 ไมโครกรัม/การสูดพ่น 1 ครั้ง
ปริมาณการใช้ยาไทโอโทรเปียม
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้
รักษาโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ตัวอย่างการใช้ยา Tiotropium เพื่อรักษาโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ผู้ใหญ่ หากใช้เครื่องสูดพ่นยาชนิดผงให้ใช้ครั้งละ 1 แคปซูล หรือปริมาณ 18 ไมโครกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยใช้ในเวลาเดียวกันของทุก ๆ วัน หากใช้เครื่องสูดพ่นยาชนิดละอองหมอกให้ใช้ครั้งละ 2 หลอดยา หรือประมาณ 5 ไมโครกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยใช้ในเวลาเดียวกันของทุก ๆ วัน
ข้อควรระวังการใช้ไทโอโทรเปียม
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ห้ามไม่ให้ยานี้เข้าตา
- ห้ามปรับขนาดการใช้ยาหรือหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง
- หากพบอาการแพ้ยานี้เช่น หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ตัวบวม ผื่นคันขึ้นเต็มตัว ต้องหยุดการใช้ยานี้ทันทีแล้วรีบนำตัวผู้ป่วยมาพบแพทย์/ส่งโรงพยาบาลโดยเร็วทันที/ฉุกเฉิน
- หากใช้ยานี้ไปสักระยะหนึ่งแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยไม่ต้องรอถึงวันนัดเพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
- ใช้ยานี้ตรงเวลาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาไทโอโทรเปียม
ปกติแล้วการใช้ยาไทโอโทรเปียมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง เวียนศีรษะ มองเห็นเป็นภาพเบลอ ท้องผูก เจ็บขณะปัสสาวะ ท้องไส้ปั่นป่วน เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว และมีอาการหวัดอย่างมีน้ำมูกไหลหรือเจ็บคอ เป็นต้น
ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์หากเกิดอาการรุนแรงต่อไปนี้
- มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ผื่น ลมพิษ คัน หายใจลำบาก อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง เป็นต้น
- หายใจมีเสียงหวีด สำลัก มีปัญหาในการหายใจ
- มองเห็นเป็นภาพเบลอ ปวดตา ตาบวม ตาแดง มองเห็นแสงกระจายเป็นรัศมีรอบ ๆ ดวงไฟ
- มีแผลในปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น
- ปัสสาวะลำบาก เจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะได้น้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
- ปัญหาด้านการหายใจมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็วหลังการสูดพ่นยา แต่มักพบได้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยใช้ยา Tiotropium แล้วพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพื่อจะได้รับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– web pobpad
– web haamor
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM