ริดสีดวงในผู้สูงอายุ: รับมืออย่างไรให้ใช้ชีวิตอย่างสบาย

ริดสีดวงในผู้สูงอายุ: รับมืออย่างไรให้ใช้ชีวิตอย่างสบาย

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซึ่งรวมถึงระบบทางเดินอาหารและหลอดเลือดด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ริดสีดวงทวาร จึงเป็นปัญหาที่พบบ่อยใน ผู้สูงอายุ หลายท่าน และมักสร้างความไม่สบายตัวและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย การทำความเข้าใจสาเหตุเฉพาะที่เกิดขึ้นในวัยนี้ และวิธีการดูแลจัดการที่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถรับมือกับริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจครับ

ทำไมผู้สูงอายุถึงเป็นริดสีดวงได้ง่ายกว่า?

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงทวารสูงขึ้น [1, 2]:

  1. กล้ามเนื้ออ่อนแอลง: เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณทวารหนักและช่องท้องจะอ่อนแอลง ทำให้การพยุงหลอดเลือดลดลง หลอดเลือดจึงโป่งพองได้ง่ายขึ้น
  2. ท้องผูกเรื้อรัง: เป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
    • การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง: ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง
    • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ: ผู้สูงอายุบางท่านอาจดื่มน้ำน้อยลง
    • การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารไม่เพียงพอ: อาจเลือกทานอาหารอ่อนๆ หรือมีข้อจำกัดด้านการเคี้ยว
    • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดที่ผู้สูงอายุรับประทานเป็นประจำ เช่น ยาลดความดัน ยาแก้ปวด ยาคลายกังวล อาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกได้ [3]
    • กิจกรรมทางกายลดลง: การเคลื่อนไหวที่น้อยลงส่งผลให้ลำไส้ทำงานได้ไม่ดี

  3. การเบ่งถ่ายสะสม: ผู้สูงอายุหลายท่านอาจมีพฤติกรรมการเบ่งถ่ายสะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักได้รับแรงกดดันซ้ำๆ
  4. โรคประจำตัวบางชนิด: เช่น โรคหัวใจ ภาวะหลอดเลือดเสื่อม อาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อริดสีดวง
  5. การยืนหรือนั่งนานๆ: ผู้สูงอายุบางท่านอาจมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว ทำให้ต้องนั่งหรือยืนในท่าเดิมนานๆ

ผู้สูงอายุรับมือกับริดสีดวงอย่างไรให้สบาย?

หลักการดูแลริดสีดวงในผู้สูงอายุจะคล้ายกับคนทั่วไป แต่ต้องให้ความสำคัญและปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ:

1. จัดการอาการท้องผูกอย่างจริงจัง

  • เพิ่มใยอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป: เน้นผัก ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี ที่เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย หรืออาหารที่ผ่านการปรุงให้นิ่ม เช่น ซุปผัก ข้าวต้มใส่ธัญพืช หากไม่สามารถรับประทานใยอาหารได้เพียงพอ อาจพิจารณา
    ผลิตภัณฑ์เสริมใยอาหารภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร [4]
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เตือนให้ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องรอให้รู้สึกกระหาย [5]
  • ปรึกษาแพทย์เรื่องยาระบาย: หากท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกยาระบายที่เหมาะสมและปลอดภัยในระยะยาว หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายที่กระตุ้นลำไส้แรงๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • ตรวจสอบยาประจำตัว: พูดคุยกับแพทย์ที่ดูแลเรื่องยาประจำตัวว่ามีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกหรือไม่ และสามารถปรับเปลี่ยนยาได้หรือไม่

2. สร้างสุขนิสัยการขับถ่ายที่ดี

  • เข้าห้องน้ำทันทีเมื่อปวด: อย่ากลั้นอุจจาระ
  • ไม่เบ่งถ่ายแรงๆ: ฝึกผ่อนคลายและใช้การหายใจช่วย
  • ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน: ไม่เกิน 5-10 นาที
  • ท่านั่งขับถ่ายที่เหมาะสม: การใช้เก้าอี้เล็กๆ วางเท้าจะช่วยให้ลำไส้ตรงและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น [6]

3. บรรเทาอาการเฉพาะที่

  • นั่งแช่น้ำอุ่น (Sitz Bath): ช่วยลดอาการปวด บวม คัน และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ทำวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที [7]
  • ใช้ยาทา/ยาเหน็บ: ปรึกษาเภสัชกรเพื่อเลือกยาที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาอาการปวดและคัน
  • รักษาสุขอนามัย: ทำความสะอาดทวารหนักด้วยน้ำเปล่าและสบู่อ่อนๆ หลังขับถ่าย ซับให้แห้งสนิท

4. เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ

  • ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอเท่าที่ทำได้ เช่น การเดินเบาๆ รอบบ้าน การทำกายบริหารง่ายๆ ในท่านั่ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต [8]
  • หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ หากจำเป็นต้องนั่งนาน ให้ลุกขึ้นเดินหรือเปลี่ยนอิริยาบถเป็นครั้งคราว

5. ปรึกษาแพทย์เมื่อมีสัญญาณเตือน
ผู้สูงอายุควรใส่ใจกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหากมีเลือดออกปริมาณมาก ปวดรุนแรง มีไข้ น้ำหนักลดผิดปกติ หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ [9]

ริดสีดวงในผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่จัดการได้ การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพลำไส้ การปรับพฤติกรรม และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ และห่างไกลจากความทรมานของริดสีดวงทวารครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. Mayo Clinic. (2024, May 14). Hemorrhoids – Symptoms & causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hemorrhoids/symptoms-causes/syc-20360262
  2. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (2024, February). Hemorrhoids. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/hemorrhoids
  3. Cleveland Clinic. (2023, September 29). Hemorrhoids. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15124-hemorrhoids
  4. Harvard Health Publishing. (2023, January 10). Hemorrhoids and what to do about them. Retrieved from https://www.health.harvard.edu/diseases-and-conditions/hemorrhoids-and-what-to-do-about-them
  5. American Society of Colon and Rectal Surgeons (ASCRS). (n.d.). Hemorrhoids. Retrieved from https://fascrs.org/patients/diseases-and-conditions/hemorrhoids

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี