การใช้ชีวิตกับ เบาหวานในสังคม อาจไม่ง่าย แต่คุณทำได้! มาเรียนรู้เทคนิคและแนวคิดที่จะช่วยให้คุณ มีความสุขและมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการบอกเพื่อนร่วมงาน การจัดการอาหารนอกบ้าน และการรับมือกับความคิดเห็นจากคนรอบข้าง
ใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม: ทำอย่างไรให้มีความสุขและมั่นใจ?
การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคุณจะต้องหยุดลงหรือต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตรงกันข้าม คุณยังคงสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเต็มที่ มีความสุข และมั่นใจได้ เพียงแต่ต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะจัดการกับโรคไปพร้อมๆ กับชีวิตประจำวัน บทความนี้จะให้คำแนะนำว่า การใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม จะทำอย่างไรให้คุณรู้สึก มีความสุขและมั่นใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ทำงาน สังสรรค์กับเพื่อน หรือออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้าน
ความท้าทายของการ “ใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม” ที่คุณอาจเจอ
การเป็นผู้ป่วยเบาหวานและใช้ชีวิตในสังคม อาจมีความท้าทายบางประการที่คุณอาจต้องเผชิญ [1]:
- ความเข้าใจผิดของคนรอบข้าง: บางคนอาจไม่เข้าใจโรคเบาหวานอย่างถ่องแท้ และอาจแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม เช่น “ทำไมยังกินอันนั้นอีกล่ะ” “โรคเบาหวานนี่เป็นกรรมเก่าหรือเปล่า”
- แรงกดดันจากเพื่อนฝูง/สังคม: อาจมีการชักชวนให้กินอาหารที่ไม่เหมาะสม ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีการสังสรรค์ที่ไม่เอื้อต่อการดูแลตัวเอง
- ความกังวลในการเปิดเผย: ผู้ป่วยบางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจที่จะบอกคนอื่นว่าตนเองเป็นเบาหวาน ด้วยความกลัวว่าคนอื่นจะมองตนเองต่างไป หรือรู้สึกเป็นภาระ
- การจัดการอาหารนอกบ้าน: การเลือกอาหารที่เหมาะสมเมื่อกินข้าวนอกบ้าน หรือร่วมงานเลี้ยง อาจเป็นเรื่องยาก
- การรับมือกับภาวะฉุกเฉิน: เช่น ภาวะน้ำตาลต่ำขณะอยู่ข้างนอกบ้าน
ใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม: ทำอย่างไรให้มีความสุขและมั่นใจ?
คุณสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้ [2, 3, 4]:
1. ทำความเข้าใจโรคของคุณให้ถ่องแท้:
- ความรู้คือพลัง: ยิ่งคุณเข้าใจโรคเบาหวาน กลไกของโรค วิธีการควบคุม และภาวะแทรกซ้อนมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมั่นใจในการดูแลตัวเองและตอบคำถามคนอื่นได้ดีขึ้น
- เป็นผู้เชี่ยวชาญสำหรับตัวเอง: เมื่อคุณมีความรู้ คุณจะสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณได้ดีขึ้น และไม่รู้สึกว่าต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา
2. ตัดสินใจว่าจะ “เปิดเผย” หรือ “ไม่เปิดเผย” ให้ใครรู้:
- คุณมีสิทธิ์เลือก: คุณไม่จำเป็นต้องบอกทุกคนว่าคุณเป็นเบาหวาน
- บอกคนที่จำเป็น: พิจารณาบอกเพื่อนสนิท คนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน คนสนิทที่ทำงาน หรือคนที่คุณไปทำ
กิจกรรมด้วยบ่อยๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถให้ความช่วยเหลือได้หากเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะน้ำตาลต่ำ - สอนพวกเขาถึงสิ่งที่คุณต้องการ: หากคุณตัดสินใจบอกใครสักคน ให้สอนพวกเขาว่าคุณเป็นเบาหวาน และหากเกิดภาวะฉุกเฉิน คุณต้องการให้พวกเขาช่วยเหลืออย่างไร (เช่น ถ้าหมดสติ ให้โทร 1669 และอย่ากรอกน้ำหวานใส่ปาก)
3. วางแผนอาหารและกิจกรรมนอกบ้าน:
- เลือกอย่างฉลาด: เมื่อต้องกินข้าวนอกบ้าน ลองมองหาเมนูที่มีผัก โปรตีนไม่ติดมัน และข้าว/คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในปริมาณที่พอเหมาะ
- อย่าอายที่จะถาม: หากไม่แน่ใจส่วนประกอบอาหาร ให้ถามพนักงานเสิร์ฟ
- พกของว่างที่เหมาะสม: เตรียมของว่างสำหรับผู้ป่วยเบาหวานติดตัวเสมอ เช่น ผลไม้ที่ไม่หวานจัด ถั่ว หรือธัญพืช
- พกของสำหรับแก้ภาวะน้ำตาลต่ำ: เช่น ลูกอม หรือน้ำหวานขนาดเล็ก ติดตัวไว้เสมอ
4. เตรียมอุปกรณ์และยาให้พร้อมเสมอ:
- พกยาและอุปกรณ์วัดน้ำตาล: เตรียมยาและอุปกรณ์วัดน้ำตาลติดตัวไปด้วยเสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกจากบ้านนานๆ
- เก็บอินซูลินให้ถูกต้อง: หากต้องฉีดอินซูลิน ให้เรียนรู้วิธีการจัดเก็บที่ถูกต้องเมื่ออยู่นอกบ้าน (เช่น ใช้กระเป๋าเก็บความเย็นสำหรับอินซูลิน)
- บัตรประจำตัวผู้ป่วย: พกบัตรประจำตัวผู้ป่วยเบาหวาน หรือเขียนข้อมูลสำคัญทางการแพทย์ไว้ในกระเป๋าสตางค์ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
5. รับมือกับความคิดเห็นและการตัดสินจากคนอื่น:
- ไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกคน: คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจทุกเรื่อง
- ให้ความรู้ด้วยความเมตตา: หากมีคนถามด้วยความหวังดีและคุณต้องการให้ความรู้ ก็สามารถอธิบายสั้นๆ ได้ว่า “ฉันเป็นเบาหวานและต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ”
- ตั้งขอบเขต: หากมีคนพยายามกดดันหรือวิพากษ์วิจารณ์ ให้ตั้งขอบเขตอย่างสุภาพ เช่น “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่ฉันปรึกษาแพทย์และนักโภชนาการแล้ว และรู้ดีว่าอะไรเหมาะสมกับฉัน”
- โฟกัสที่ตัวเอง: สิ่งสำคัญคือคุณดูแลตัวเองได้ดี และมีความสุขกับชีวิต
6. ค้นหาแรงสนับสนุน:
- เข้าร่วมกลุ่มผู้ป่วย: การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ป่วยเบาหวานคนอื่นๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้เรียนรู้เทคนิคการดูแลตัวเองใหม่ๆ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือมีปัญหาในการใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือนักจิตวิทยา
สรุป: เบาหวานคือส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
การใช้ชีวิตกับ เบาหวานในสังคม ไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้หรือถูกจำกัด แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะปรับตัวอย่างชาญฉลาด และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมั่นใจบนพื้นฐานของความเข้าใจและการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง เมื่อคุณเข้าใจโรค เข้าใจตัวเอง และรู้จักการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ คุณจะพบว่าเบาหวานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต และคุณยังคงสามารถออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเต็มที่และมีความสุขครับ
“คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับเบาหวานเพียงลำพัง! หากคุณรู้สึกท้าทายในการ ใช้ชีวิตกับเบาหวานในสังคม หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการจัดการกับโรคอย่างมีความสุข ปรึกษาแพทย์ นักโภชนาการ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อรับการสนับสนุนที่คุณต้องการ”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- American Diabetes Association. (n.d.). Coping and Mental Health. Retrieved from https://diabetes.org/healthy-living/mental-health
- National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK). (n.d.). Managing Diabetes: Social Life and Emotional Health. Retrieved from https://www.niddk.nih.gov/health-information/diabetes/overview/managing-diabetes/social-emotional-health
- Mayo Clinic. (2024, May 09). Diabetes management: Eating out and socializing. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-management/art-20047970 (อ้างอิงส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาหารและสังคม)
- สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (น.ด.). การใช้ชีวิตประจำวันกับเบาหวาน. เข้าถึงได้จาก: https://www.dmthai.org/attachments/article/409/Daily_Life.pdf (อ้างอิงข้อมูลทั่วไปของการใช้ชีวิตกับเบาหวาน)
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, April 20). Living with Diabetes. Retrieved from https://www.cdc.gov/diabetes/managing/living.html
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com