ประโยชน์ของวิตามินดี (Vitamin D)  ที่สำคัญต่อร่างกาย

ประโยชน์ของวิตามินดี (Vitamin D)  ที่สำคัญต่อร่างกาย

วิตามินดี (Vitamin D) คืออะไร? ทำไมร่างกายจึงขาดไม่ได้

วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีบทบาทสำคัญต่อกระดูก ระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวม โดยร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เองจากการสัมผัสแสงแดด หรือรับจากอาหารบางชนิดและอาหารเสริม

ประโยชน์ของวิตามินดีที่สำคัญต่อร่างกาย

  1. ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส
    วิตามินดีจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในลำไส้ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ และโรคกระดูกอ่อนในเด็ก
  2. ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
    วิตามินดีช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยให้ร่างกายต้านทานการติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 และโรคทางเดินหายใจ
  3. ป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหัก
    โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ วิตามินดีช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูกและความเสี่ยงของการหกล้มกระดูกหัก
  4. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    มีหลักฐานว่าวิตามินดีอาจมีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2
  5. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
    วิตามินดีช่วยลดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
  6. มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต
    การขาดวิตามินดีเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับแสงแดดน้อย

แหล่งวิตามินดีที่สำคัญ

แหล่งจากธรรมชาติ

  • แสงแดด: ผิวหนังสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อสัมผัสรังสี UVB (ช่วงเช้า 07.00–09.00 น.)

 แหล่งจากอาหาร

  • ตับปลา, ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน
  • ไข่แดง
  • นมและผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินดี
  • เห็ด (โดยเฉพาะที่ตากแดด)

ปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)

กลุ่ม ปริมาณปริมาณ
เด็ก 1–18 ปี600 IU (15 mcg)
ผู้ใหญ่ < 70 ปี600 IU (15 mcg)
ผู้สูงอายุ ≥ 70 ปีปี 800 IU (20 mcg)
หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร 600–800 IU600–800 IU

❗ ข้อควรระวัง: การได้รับวิตามินดีเกินขนาดจากอาหารเสริม (มากกว่า 4,000 IU ต่อวันเป็นเวลานาน) อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ส่งผลเสียต่อไตและหัวใจ

สรุป

วิตามินดีเป็นวิตามินที่มีบทบาทหลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องกระดูกเท่านั้น แต่ยังเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาว


ข้อมูลอ้างอิง (References):

  1.  National Institutes of Health (NIH) – Office of Dietary Supplements https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminD-Consumer/
  2. Harvard T.H. Chan School of Public Health – Vitamin D https://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/vitamin-d/
  3. Mayo Clinic – Vitamin D overview https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements-vitamin-d/art-20363792

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี