การสูบบุหรี่ในบ้านไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพผู้สูบเอง แต่ยังส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การเลิกบุหรี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน แต่เราสามารถลดอันตรายจากควันบุหรี่ด้วยวิธีป้องกันที่ถูกต้องได้ เพื่อปกป้องสุขภาพคนในบ้านให้ปลอดภัยแม้ยังเลิกไม่ได้
1. กำหนดพื้นที่สูบบุหรี่เฉพาะที่
- ให้สมาชิกในบ้านที่ยังสูบบุหรี่สูบเฉพาะในพื้นที่ที่ระบายอากาศได้ดี เช่น นอกบ้าน ระเบียง หรือห้องที่มีหน้าต่างเปิดกว้าง
- หลีกเลี่ยงการสูบในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือบริเวณที่เด็กและผู้สูงอายุมักใช้เวลานาน
- พยายามทำให้พื้นที่สูบบุหรี่เป็น “เขตปลอดบุหรี่” สำหรับส่วนอื่นของบ้าน
2. เปิดประตูหน้าต่างและใช้พัดลมระบายอากาศ
- หลังจากสูบบุหรี่ ให้เปิดหน้าต่างและประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเท
- ใช้พัดลมหรือเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพช่วยลดกลิ่นและสารพิษในอากาศ
- ควรทำความสะอาดผ้าม่าน พรม และของใช้ในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพราะสารพิษจากควันบุหรี่สามารถตกค้างได้
3. งดสูบบุหรี่ในรถยนต์หรือสถานที่ปิด
- รถยนต์เป็นพื้นที่แคบที่สารพิษสะสมสูง การสูบบุหรี่ในรถส่งผลเสียต่อผู้โดยสารโดยเฉพาะเด็กและหญิงตั้งครรภ์
- หากยังสูบอยู่ ควรทำความสะอาดรถและเปิดหน้าต่างทุกครั้งหลังสูบ
4. สื่อสารและสร้างข้อตกลงในครอบครัว
- เปิดใจพูดคุยกับสมาชิกในบ้านเกี่ยวกับผลกระทบของควันบุหรี่
- สร้างข้อตกลงร่วมกัน เช่น การกำหนดพื้นที่สูบ และกำหนดเวลาที่ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน
- สนับสนุนและช่วยเหลือให้คนในบ้านมีแรงจูงใจในการเลิกบุหรี่
5. ใช้ตัวช่วยเสริมเพื่อสุขภาพ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยล้างสารพิษในร่างกาย
- ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสิ่งกระตุ้นที่ชวนให้สูบบุหรี่ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรืออยู่กับเพื่อนที่สูบบุหรี่
6. ปรึกษาแพทย์และเข้าคลินิกเลิกบุหรี่
- แม้ยังเลิกไม่ได้ในทันที แต่การขอคำปรึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญช่วยเพิ่มโอกาสในการเลิกได้ในอนาคต
- คลินิกเลิกบุหรี่จะช่วยวางแผนการเลิกบุหรี่และให้ยาช่วยลดอาการขาดนิโคติน
สรุป
แม้คนในบ้านยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ การป้องกันควันบุหรี่ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้ การร่วมมือและสร้างความเข้าใจในครอบครัวเป็นก้าวแรกที่สำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- องค์การอนามัยโลก (WHO)
- โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ ม.มหิดล
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com