ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin): คู่หูมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพดวงตาที่คุณมองข้ามไม่ได้!

ในยุคดิจิทัลที่เราใช้สายตาจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนแทบตลอดเวลา ดวงตาของเราต้องทำงานหนักขึ้นและเผชิญกับความเสี่ยงจากแสงสีฟ้าและอนุมูลอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การบำรุงและปกป้องดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และสารอาหารสองชนิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องนี้คือ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)

ลูทีนและซีแซนทีนจัดอยู่ในกลุ่มสาร แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารให้สีตามธรรมชาติที่พบในพืชผักผลไม้สีเหลือง ส้ม และเขียวเข้ม ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารทั้งสองนี้ได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม

ทำไมลูทีนและซีแซนทีนจึงสำคัญต่อดวงตา?

สารทั้งสองชนิดนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถสะสมอยู่ในบริเวณสำคัญของดวงตา ได้แก่:

  • จอประสาทตา (Retina): โดยเฉพาะบริเวณ จุดรับภาพชัด (Macula) ซึ่งเป็นบริเวณเล็กๆ ตรงกลางจอประสาทตาที่ทำหน้าที่รับภาพที่มีความละเอียดสูงสุด ช่วยให้เรามองเห็นรายละเอียดและสีสันต่างๆ ได้อย่างคมชัด
  • เลนส์ตา (Lens): ช่วยปกป้องเลนส์ตาจากความเสียหาย

หน้าที่หลักของลูทีนและซีแซนทีนในดวงตาคือ:

  1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง: ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในดวงตาจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสื่อมสภาพของเซลล์ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่โรคเกี่ยวกับดวงตา
  2. ทำหน้าที่เป็น “แว่นกันแดดธรรมชาติ” ของดวงตา: ลูทีนและซีแซนทีนมีคุณสมบัติในการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งเป็นคลื่นแสงพลังงานสูงที่มาจากแสงแดดและอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ แสงสีฟ้าสามารถทะลุผ่านเข้าไปทำลายเซลล์รับภาพที่จอประสาทตาได้ การมีสารสองชนิดนี้ในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น


สรรพคุณและประโยชน์ของลูทีนและซีแซนทีนต่อสุขภาพดวงตา

การได้รับลูทีนและซีแซนทีนอย่างเพียงพอเป็นประจำมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อดวงตาในหลายๆ ด้าน:

  • ป้องกันและชะลอการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม (Age-related Macular Degeneration – AMD): นี่คือประโยชน์ที่โดดเด่นที่สุด เนื่องจากลูทีนและซีแซนทีนเป็นองค์ประกอบหลักของจุดรับภาพ การมีปริมาณสารทั้งสองนี้สูงในดวงตาจะช่วยปกป้องเซลล์รับภาพจากการถูกทำลาย ลดความเสี่ยงในการเกิด AMD ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ
  • ลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดต้อกระจก (Cataracts): ต้อกระจกเกิดจากการที่เลนส์ตาขุ่นมัว ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลูทีนและซีแซนทีนทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เลนส์ตา ช่วยปกป้องเซลล์และลดการก่อตัวของต้อกระจก
  • ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า: สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ดิจิทัลเป็นเวลานาน สารทั้งสองนี้จะช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย ลดอาการตาล้า ตาแห้ง และความเสียหายระยะยาวต่อจอประสาทตา
  • ช่วยปรับปรุงการมองเห็นในที่มืดและแสงน้อย: การมีลูทีนและซีแซนทีนเพียงพออาจช่วยให้ดวงตาปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของแสงได้ดีขึ้น ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นในสภาพแสงน้อย
  • สริมสร้างความคมชัดในการมองเห็น: การทำงานร่วมกันของลูทีนและซีแซนทีนช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ และทำให้การมองเห็นโดยรวมดีขึ้น


แหล่งอาหารที่อุดมด้วยลูทีนและซีแซนทีน

ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างลูทีนและซีแซนทีนได้เอง เราจึงต้องได้รับจากอาหาร แหล่งอาหารที่ดีเยี่ยมได้แก่:

  • ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า, ปวยเล้ง, ผักโขม, บรอกโคลี, ผักกาดหอม
  • ข้าวโพด: โดยเฉพาะข้าวโพดหวาน
  • ไข่แดง: เป็นแหล่งที่ดีและดูดซึมได้ง่าย
  • ฟักทอง
  • พริกหยวก (โดยเฉพาะสีส้มและสีเหลือง)
  • กีวี
  • องุ่น


ควรเสริมลูทีนและซีแซนทีนหรือไม่?

สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารครบถ้วนและหลากหลาย โดยเฉพาะผักใบเขียวเข้มและผักผลไม้สีเหลืองส้มเป็นประจำ อาจได้รับลูทีนและซีแซนทีนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่:

  • ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน
  • มีอายุมากขึ้นและต้องการบำรุงสายตาเพื่อป้องกันความเสื่อม
  • มีความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมหรือต้อกระจก
  • ไม่ได้รับประทานอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนอย่างเพียงพอ


การพิจารณารับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลูทีนและซีแซนทีนอาจเป็นทางเลือกที่ดี โดยทั่วไปปริมาณที่แนะนำสำหรับการบำรุงสายตาจะอยู่ที่ประมาณ 6-20 มก. ของลูทีน และ 0.2-4 มก. ของซีแซนทีนต่อวัน (มักจะมาในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น 5:1 หรือ 10:2)

ข้อควรระวัง

โดยทั่วไปแล้ว ลูทีนและซีแซนทีนถือว่าปลอดภัยเมื่อรับประทานในปริมาณที่แนะนำ ไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายรุนแรง แต่ในบางรายอาจพบอาการไม่สบายทางเดินอาหารเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ หรือท้องเสีย หากรับประทานในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้ การรับประทานแคโรทีนอยด์ในปริมาณมากอาจทำให้ผิวหนังมีสีเหลืองอ่อนๆ (carotenemia) ซึ่งไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเมื่อลดปริมาณการบริโภคลง

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาอื่นๆ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

สรุป:

ลูทีนและซีแซนทีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและฟิลเตอร์ธรรมชาติสำหรับดวงตา ช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหายของแสงสีฟ้า และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตาที่สำคัญ เช่น จุดรับภาพเสื่อมและต้อกระจก การดูแลดวงตาด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพิจารณาเสริมสารอาหารเหล่านี้ จึงเป็นก้าวสำคัญสู่การมีดวงตาที่แข็งแรงและมองเห็นโลกได้อย่างสดใสไปอีกนานเท่านาน!



แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

  1. National Eye Institute (NEI) – สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา:
  2. National Institutes of Health (NIH), Office of Dietary Supplements (ODS) – สำนักงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร:
  3. Mayo Clinic:เป็นหนึ่งในศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงด้านการวิจัย การรักษา และการให้ข้อมูลสุขภาพที่แม่นยำและเข้าใจง่าย
  4. เว็บไซต์: mayoclinic.org
  5. งานวิจัยจาก AREDS2 (Age-Related Eye Disease Study 2) ซึ่งเป็นงานวิจัยสำคัญที่ยืนยันบทบาทของลูทีนและซีแซนทีนในการลดความเสี่ยงการลุกลามของโรคจอประสาทตาเสื่อม
  6. วารสารเช่น Nutrients, Ophthalmology, Archives of Ophthalmology หรือ Investigative Ophthalmology & Visual Science

เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี