Iron Bisglycinate: ทางเลือกใหม่ของธาตุเหล็ก ดูดซึมดี ลดผลข้างเคียง
คุณเคยไหม? รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้าซีด เวียนหัวบ่อยๆ? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายของคุณกำลังขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและการทำงานของร่างกายหลายระบบ แต่ปัญหาที่หลายคนเจอเมื่อต้องเสริมธาตุเหล็กคือ ผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก คลื่นไส้ หรือปวดท้อง วันนี้เรามีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่ามานำเสนอ นั่นคือ Iron Bisglycinate (ไอรอน บิสก์ไลซิเนต)
ทำไมธาตุเหล็กถึงสำคัญนัก?
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก การลำเลียงออกซิเจนก็จะทำได้ไม่ดี ทำให้เกิดภาวะ โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และอาการอ่อนเพลียต่างๆ ตามมา
นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีบทบาทสำคัญใน:
- การผลิตพลังงานในระดับเซลล์
- การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- การทำงานของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกาย
ปัญหาที่พบบ่อยกับธาตุเหล็กเสริมรูปแบบเดิม
ธาตุเหล็กเสริมในรูปแบบที่พบได้บ่อย เช่น Ferrous Sulfate (เฟอร์รัส ซัลเฟต) มักมีปัญหาเรื่องการดูดซึมและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์:
- การดูดซึมไม่ดี: ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กในรูปแบบซัลเฟตได้ไม่เต็มที่ ทำให้ต้องทานในปริมาณที่สูงขึ้น
- ผลข้างเคียง: ธาตุเหล็กที่ไม่ถูกดูดซึมจะตกค้างอยู่ในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรืออุจจาระมีสีดำเข้ม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนเลิกทานธาตุเหล็กเสริมไปก่อนที่จะเห็นผล
Iron Bisglycinate: ทางออกที่ดีกว่า
Iron Bisglycinate (ไอรอน บิสก์ไลซิเนต) หรือบางครั้งเรียกว่า Ferrous Bisglycinate เป็นธาตุเหล็กในรูปแบบ คีเลต (Chelated Iron) โดยที่ธาตุเหล็กจะถูกจับคู่กับกรดอะมิโนไกลซีน (Glycine) สองโมเลกุล ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่า:
- การดูดซึมที่ดีเยี่ยม:
- เนื่องจากธาตุเหล็กถูกห่อหุ้มด้วยกรดอะมิโน ร่างกายจึงมองว่าเป็นโปรตีนและสามารถดูดซึมผ่านช่องทางเดียวกันกับกรดอะมิโนได้ ทำให้การดูดซึมมีประสิทธิภาพสูงกว่าธาตุเหล็กในรูปแบบอื่น
- โมเลกุลของไกลซีนช่วยปกป้องธาตุเหล็กจากการถูกขัดขวางการดูดซึมโดยสารบางชนิดในอาหาร เช่น ไฟเตตในพืชหรือแทนนินในชา/กาแฟ ทำให้การดูดซึมไม่ขึ้นอยู่กับมื้ออาหารมากนัก
- ลดผลข้างเคียงอย่างเห็นได้ชัด:
- เนื่องจากมีการดูดซึมที่ดี ทำให้มีธาตุเหล็กตกค้างในลำไส้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ลดโอกาสการเกิดอาการท้องผูก คลื่นไส้ ปวดท้อง หรืออาการไม่สบายท้องอื่นๆ ที่พบบ่อยในธาตุเหล็กเสริมรูปแบบเดิม
- มีความอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหารและลำไส้มากกว่า ทำให้ผู้ที่กระเพาะอาหารบอบบางก็สามารถทานได้
- ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (Bioavailability) สูง:
- หมายถึงการที่ร่างกายสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่หลังจากดูดซึมเข้าไปแล้ว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในการแก้ไขภาวะขาดธาตุเหล็ก
ใครที่เหมาะกับ Iron Bisglycinate?
Iron Bisglycinate เหมาะสำหรับผู้ที่:
- มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก: ช่วยเพิ่มระดับธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: เป็นกลุ่มที่ต้องการธาตุเหล็กสูง และ Iron Bisglycinate เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย
- สตรีมีประจำเดือนมาก: มีการสูญเสียธาตุเหล็กเป็นประจำ
- ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน: อาจได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจากอาหาร
- ผู้ที่เคยทานธาตุเหล็กเสริมแล้วมีผลข้างเคียง: เช่น ท้องผูก ปวดท้อง คลื่นไส้
- นักกีฬา: เพื่อเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดแดงและการลำเลียงออกซิเจน
- ผู้ที่รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เป็นประจำ: โดยเฉพาะเมื่อสงสัยว่าขาดธาตุเหล็ก
ข้อควรระวัง
แม้ Iron Bisglycinate จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่การเสริมธาตุเหล็กควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ ไม่ควรซื้อมาทานเองโดยไม่มีการวินิจฉัย เพราะการได้รับธาตุเหล็กมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกิน (Hemochromatosis)
สรุป
หากคุณกำลังมองหาวิธีเสริมธาตุเหล็กที่มีประสิทธิภาพสูงและลดผลข้างเคียงกวนใจ Iron Bisglycinate คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยคุณสมบัติการดูดซึมที่ดีเยี่ยมและความอ่อนโยนต่อระบบทางเดินอาหาร จะช่วยให้คุณกลับมามีพลังงาน กระปรี้กระเปร่า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน!
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และวารสารทางการแพทย์: ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการดูดซึมที่สูงกว่าของ Iron Bisglycinate เมื่อเทียบกับรูปแบบธาตุเหล็กอื่น ๆ และการลดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร ได้รับการศึกษาและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์และโภชนาการที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ (peer-reviewed journals) เช่น Journal of Nutrition, British Journal of Nutrition, American Journal of Clinical Nutrition เป็นต้น
- สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health – NIH) สหรัฐอเมริกา: โดยเฉพาะ Office of Dietary Supplements ของ NIH ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ รวมถึงธาตุเหล็กและรูปแบบของมัน
- องค์กรด้านสุขภาพและโภชนาการที่เชื่อถือได้: เช่น World Health Organization (WHO), Mayo Clinic, Harvard T.H. Chan School of Public Health ซึ่งให้ข้อมูลและคำแนะนำที่อิงตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาวะขาดธาตุเหล็กและการเสริมธาตุเหล็ก
- ตำราและตำราเรียนด้านโภชนาการคลินิกและชีวเคมี: ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเมแทบอลิซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย รูปแบบต่างๆ ของธาตุเหล็ก และปัจจัยที่มีผลต่อการดูดซึม
เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com