รายละเอียด
ยา Motilium® หรือ Motilium-M®เป็นชื่อทางการค้าของยาดอมเพอริโดน (Domperidone) มีข้อบ่งใช้บรรเทาอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน ซึ่งอาจมีสาเหตุดังไปนี้
- การใช้ยา เช่น L-dopa และ Bromocriptine ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
- การฉายแสงในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- ความผิดปกติของร่างกายเอง หรือเป็นอาการเจ็บป่วย เช่น อาหารเป็นพิษ
นอกจากนี้ ยา Motilium® ยังถูกนำมาใช้รักษาอาการที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย (Dyspeptic) ซึ่งอาจเกิดจากอาหารเคลื่อนที่ในทางเดินอาหารล่าช้า จนมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด เรอเปรี้ยว คลื่นไส้ อาเจียน สามารถใช้รักษาอาการแสบร้อนกลางอกจากโรคกรดไหลย้อน หรือแผลในทางเดินอาหาร
โดยการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ คือ จะไปช่วยเพิ่มให้ทางเดินอาหารบีบตัวได้ดีขึ้น ทำให้อาหารเคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็วขึ้น
การใช้ยา Motilium® ในหญิงตั้งครรภ์
ยา Motilium® มีผลให้หญิงให้นมบุตรมีน้ำนมเพิ่มได้ แต่ความจริงแล้ว ประโยชน์นี้เป็นการใช้ผลข้างเคียงของยา Motilium® เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยา Motilium® สามารถหลั่งมาพร้อมน้ำนมได้ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย และยังเป็นที่ถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าว จึงไม่แนะนำให้หญิงให้นมบุตรรับประทาน Motilium® หากไม่มีความจำเป็น หรือแพทย์ไม่ได้ให้คำแนะนำ
กลไกการออกฤทธิ์ของยา Motilium®
กลไกการออกฤทธิ์ของยาดอมเพอริโดน คือ ยับยั้งตัวรับที่ Chemoreceptor trigger zone ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการอาเจียนที่สมองส่วนเมดุลลา (Medulla) และยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทโดปามีนในสมอง ซึ่งมีผลต่อาการคลื่นไส้อาเจียน
ยานี้จึงสามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ และยังมีผลช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหาร หรือที่เรียกว่า “เพอริสทัลซิส (peristalsis) ” รวมถึงกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก
ซึ่งการกระตุ้นนี้จะทำให้กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น เพื่อขับไล่อาหารออกจากทางเดินอาหารไปสู่ลำไส้เล็ก จึงส่งผลลดระยะเวลาของอาหารที่อยู่ในทางเดินอาหารนั่นเอง
ขนาดการใช้ยา Motilium®
ขนาดยาที่ใช้รักษาในผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปี หรือมีน้ำหนักมากกว่า 35 กิโลกรัม มีดังนี้
- ยาเม็ดรับประทาน รับประทานในปริมาณ 10 มิลลิกรัม ก่อนอาหารอย่างน้อย 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ขนาดยาสูงสุด 40 มิลลิกรัมต่อวัน
- ยาน้ำแขวนตะกอนชนิดรับประทาน รับประทานในปริมาณ 10 มิลลิลิตร ก่อนอาหารอย่างน้อย 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ขนาดยาสูงสุด 40 มิลลิกรัมต่อวัน
ขนาดยาที่ใช้รักษาเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี หรือมีน้ำหนักน้อยกว่า 35 กิโลกรัม มีดังนี้
- ยาน้ำแขวนตะกอนชนิดรับประทาน รับประทานในปริมาณ 0.25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ก่อนอาหารอย่างน้อย 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ขนาดยาสูงสุด 35 มิลลิกรัมต่อวัน
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา Motilium®
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติ เมื่อใช้ยาในขนาดรักษา ได้แก่
- ซึมเศร้า
- วิตกกังวล
- ปวดหัว
- ปากแห้ง
- ใจสั่น
- มีน้ำนมไหลออกจากเต้านม เต้านมคัดตึง
- หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นในเพศชาย
- ประจำเดือนมาผิดปกติ
ข้อแนะนำการใช้ยา Motilium®
เพื่อให้ใช้ยา Motilium® ในการรักษาอาการต่างๆ อย่างปลอดภัย ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรใช้เฉพาะที่มีความจำเป็น และแพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น
- ควรระมัดระวังการใช้ยาในหญิงให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- หากเคยมีอาการแพ้ยาดอมเพอริโดนหรือส่วนประกอบใดๆ ในตัวยา ห้ามรับประทานยา Motilium®
- ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ที่มีสมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ
- ยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงได้ในผู้ป่วยบางราย ควรระมัดระวังการขับขี่ยานพาหนะหรือควบคุมเครื่องจักร
- ระมัดระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาแก้ไอเด็กโทรเมทโทรเฟน (Dextromethorphan) ยาแก้มึนงงไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) เนื่องจากยาต้านฤทธิ์กัน ทำให้ออกฤทธิ์รักษาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- ควรใช้ยานี้ห่างจากยาลดกรด (Antacids) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ยา Motilium®
ห้ามใช้ยา Motilium® ร่วมกับยาเหล่านี้
- ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น ยาคลาริโทรไมซิน (Clarithromycin) อิริโทรไมซิน (Erythromycin) เทลิโทรไมซิน (Telithromycin)
- ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อรา เช่น ยาไอทราโคนาโซล (Itraconazole) คีโทโคนาโซล (Ketoconazole) โพซาโคนาโซล (Posaconazole) เวอร์ริโคนาโซล (Voriconazole)
- ยาฆ่าเชื้อไวรัส เช่น ริโทรนาเวียร์ (Ritonavir) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) และเทลาพรีเวียร์ (Telaprevir)
- ห้ามใช้ยา Motilium® ในผู้ป่วยเหล่านี้
- ผู้ป่วยโรคตับระยะปานกลาง หรือรุนแรง
- ผู้ป่วยที่มีเลือดออกในทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เป็นแผลรุนแรง ทางเดินอาหารอุดกั้น
- ผู้ที่มีเนื้องอกบริเวณต่อมใต้สมองชนิดโปรแลกติโนมา (Prolactinoma)
- ควรระมัดรวังการใช้ยา Motilium® ในผู้ป่วยเล่านี้
- ผู้ป่วยมีปัญหาโรคหัวใจ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ (QT prolongation)
- หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ
- เนื่องจากยานี้ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ และจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่รับประทานยานี้มากกว่า 30 มิลลิกรัมต่อวัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– HDmall.co.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM