วิตามินบี 3 (Niacin) มีประโยชน์อย่างไร

วิตามินบี 3 หรือ ไนอาซิน (Niacin) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีรวม (Vitamin B complex) ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการทำงานของร่างกายหลายระบบ โดยเฉพาะระบบประสาท การเผาผลาญพลังงาน และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ประโยชน์ของวิตามินบี 3 (Niacin)

1. ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน

วิตามินบี 3 ทำหน้าที่เป็น โคเอนไซม์ ในปฏิกิริยาชีวเคมี เช่น NAD (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) และ NADP  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอาหาร (คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, โปรตีน) ให้กลายเป็นพลังงานที่เซลล์สามารถใช้งานได้   ส่งผลให้ร่างกายมีพลังงานดีขึ้น ไม่อ่อนเพลีย

2. บำรุงระบบประสาทและสมอง

  • วิตามินบี 3 ช่วยในการ ส่งสัญญาณประสาท
  • ลดอาการ อารมณ์แปรปรวน, สมองล้า, หลงลืม
  • อาจช่วย ลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม (Dementia) และ อัลไซเมอร์ ได้ในระยะยาว

การขาดวิตามิน B3 รุนแรงอาจทำให้เกิดโรค เพลลากรา (Pellagra) ซึ่งมีอาการเด่นคือ “3 D”: Dermatitis, Diarrhea, Dementia

 3. ช่วยลดคอเลสเตอรอลและปกป้องหัวใจ

  • ช่วย ลดระดับ LDL (ไขมันเลว)
  • เพิ่มระดับ HDL (ไขมันดี)
  • ลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
  • ใช้ร่วมในการรักษา โรคหลอดเลือดหัวใจ ในบางกรณี

 ใช้ในขนาดสูง (500–2,000 มก./วัน) ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์

4. บำรุงผิวพรรณ และลดการอักเสบ

  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว (skin barrier)
  • ลดอาการแห้ง แตก ลอกของผิว
  • วิตามินบี 3 ในรูป niacinamide นิยมใช้ในเครื่องสำอาง
    เพื่อช่วยเรื่อง ผิวหมองคล้ำ, ฝ้า, รูขุมขนกว้าง และสิว

 5. ช่วยลดความเครียด และอาการซึมเศร้า

  • มีบทบาทในการสร้างสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์
  • อาจช่วยลดอาการวิตกกังวล และความเหนื่อยล้าทางสมอง

 6. อาจช่วยลดความต้องการบุหรี่

  • บางงานวิจัยเสนอว่า วิตามินบี 3 อาจมีผลต่อระบบ “รางวัลในสมอง (dopamine system)”
    ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสพติด → ช่วยลด ความอยากนิโคติน ในผู้ที่กำลังเลิกบุหรี่ได้

ไม่ใช่ “ยาเลิกบุหรี่” โดยตรง แต่ใช้เสริมได้ดีในกลุ่มวิตามินบำรุงขณะเลิก

7. อาจมีผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด

  • วิตามินบี 3 อาจช่วยเพิ่มความไวของร่างกายต่ออินซูลิน
    แต่หากใช้ขนาดสูงโดยไม่ควบคุม อาจเพิ่มน้ำตาลในเลือดได้ด้วย

1.     ขนาดที่แนะนำสำหรับการกินวิตามินบี3คนทั่วไป (RDI / DRI)

กลุ่มประชากรปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ผู้ชายวัยผู้ใหญ่16 มก. / วัน
ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่14 มก. / วัน
หญิงตั้งครรภ์18 มก. / วัน
หญิงให้นมบุตร17 มก. / วัน
เด็ก (1–3 ปี)6 มก. / วัน
เด็กโต (4–13 ปี)8–12 มก. / วัน

ขนาดนี้เพียงพอสำหรับใช้ในกระบวนการเผาผลาญและระบบประสาทในภาวะปกติ

2.     ขนาดที่ใช้ใน “การรักษา” (ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์)

เพื่อรักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ

  • เริ่มต้น: 250–500 มก. ต่อวัน
  • ปรับขึ้นได้จนถึง 1,500–2,000 มก. / วัน แบ่งรับประทาน 2–3 ครั้ง หลังอาหาร

ต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียง เช่น “หน้าแดงวูบวาบ”, คลื่นไส้, ค่าตับผิดปกติ

3.     ขนาดสูงสุดที่ปลอดภัย (UL = Upper Limit)

กลุ่มขนาดสูงสุดต่อวัน
ผู้ใหญ่35 มก. / วัน
(สำหรับอาหารเสริมทั่วไป ไม่ใช่ใช้รักษาโรค)

หากเกินขนาดนี้ อาจเกิด niacin flush, คลื่นไส้, ปวดท้อง หรือแม้แต่ตับอักเสบ
ห้ามใช้ในขนาดสูงโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์

“ในยุคที่ร่างกายต้องรับมือกับความเครียด ความเหนื่อยล้า และมลภาวะทุกวัน
อย่าลืมเติม “พลังเล็ก ๆ” ให้ตัวเอง ด้วย วิตามินบี 3 (Niacin) หาซื้อได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้านคุณ”


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– Mayo Clinic – Niacin (Vitamin B3)– อธิบายสรรพคุณ, การใช้, และข้อควรระวังของวิตามินบี 3
– NIH – Office of Dietary Supplements: Niacin– ข้อมูล RDI, แหล่งอาหาร และบทบาทในร่างกาย
– NIH Office of Dietary Supplements – Niacin Fact Sheet– ข้อมูลเรื่องขนาดที่แนะนำ, ขนาดสูงสุดที่ปลอดภัย, และบทบาททางสุขภาพ
– Mayo Clinic – Niacin (Vitamin B3)– แนวทางการใช้วิตามินบี 3 ในผู้ป่วยที่มีปัญหาคอเลสเตอรอล
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

ยังไม่มีบัญชี