โรคแพนิค หรือ Panic Disorder เป็นภาวะทางจิตที่เกิดจากการมีอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและฉับพลัน ซึ่งเรียกกันว่า “Panic Attack” โดยอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วย รวมถึงความรู้สึกด้านอารมณ์และร่างกาย
สาเหตุของโรคแพนิค
- ปัจจัยทางชีวภาพ: ความผิดปกติในสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน และนอร์อะดรีนาลีน
- พันธุกรรม: การมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคแพนิคหรือโรควิตกกังวลเพิ่มความเสี่ยง
- สิ่งแวดล้อมและความเครียด: เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การสูญเสีย หรือความกดดันทางสังคม
- ลักษณะบุคลิกภาพ: บุคคลที่มีแนวโน้มเป็นคนวิตกกังวลสูงอาจมีความเสี่ยงมากกว่า
อาการของ Panic Attack
- หัวใจเต้นเร็วหรือแรงเกินไป
- เหงื่อออกมากหรือมือเท้าเย็น
- หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
- เวียนหัวหรือรู้สึกหน้ามืด
- รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือความกลัวว่ากำลังจะตาย
- รู้สึกเหมือนหลุดออกจากโลกความเป็นจริง (Derealization) หรือหลุดจากตัวเอง (Depersonalization)

การรักษาโรคแพนิค
- การบำบัดทางจิตวิทยา:
- การปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy – CBT) ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือกับ Panic Attack และลดความวิตก
- การใช้ยา:
- ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม SSRIs หรือเบนโซไดอะซีปีนที่ช่วยลดอาการตื่นตระหนก (ใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์)
- การฝึกการหายใจและผ่อนคลาย:
- เทคนิคการหายใจลึกช่วยลดอาการระหว่าง Panic Attack
- การฝึกโยคะและสมาธิช่วยลดความเครียดเรื้อรัง
- การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์:
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น คาเฟอีน และแอลกอฮอล์
ความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยโรคแพนิค
โรคแพนิคสามารถจัดการได้เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาและการสนับสนุนอย่างเหมาะสม การตระหนักถึงอาการและการเข้าใจธรรมชาติของโรคช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้องและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับโรคแพนิค การขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นการรักษา
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
–
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM
Post Views: 52