โพรเบเนซิด (Probenecid) เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันโรคเกาต์ และโรคข้ออักเสบแบบเกาต์ (Gouty arthritis) ยานี้ไม่สามารถใช้เพื่อรักษาอาการเกาต์กำเริบที่ฉับพลันหรือรุนแรงได้ และอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น ยาโพรเบเนซิดนั้นอยู่ในกลุ่มของยายูริโคซูริก (Uricosurics) ช่วยลดระดับของกรดยูริกภายในร่างกายที่มีปริมาณสูง โดยการช่วยไตกำจัดกรดยูริก เมื่อระดับของกรดยูริกนั้นสูงเกินไป จะทำให้เกิดผลึกขึ้นที่ข้อต่อ และทำให้เกิดโรคเกาต์ การลดระดับของกรดยูริกยังสามารถช่วยไตของคุณได้อีกด้วย
ข้อบ่งใช้
- บำบัดรักษาภาวะกรดยูริกเกินในเลือด หรือใช้รักษาในผู้ป่วยโรคเกาต์(โพรเบเนซิดไม่สามารถบรรเทาอาการปวดจากโรคเกาต์ชนิดเฉียบพลันได้)
- สนับสนุนการออกฤทธิ์ของยาปฏิชีวนะ
กลไกการออกฤทธิ์
ยาโพรเบเนซิดมีกลไกการออกฤทธิ์ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ที่ไต โดยไปจับสาร Organic anion transporter หรือที่เรียกว่า โปรตีนขนส่งสารอินทรีย์ประจุลบ ซึ่งอยู่ที่ผนังเซลล์ของท่อไต ทำให้ลดการดูดกลับของกรดยูริคเข้าสู่กระแสเลือด จึงทำให้โพรเบเนซิดมีฤทธิ์รักษาตามสรรพคุณ
ยาโพรเบเนซิดมีรูปแบบ
- รูปแบบชนิดยาเม็ด ขนาดความแรง 500 มิลลิกรัม/เม็ด
ปริมาณการใช้ยา
รักษาและบำบัดโรคเกาต์รวมถึงผู้ที่มีกรดยูริคเกิน: เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น และสามารถปรับขนาดรับประ ทานเป็น 2 กรัม โดยค่อยๆเพิ่มครั้งละ 500 มิลลิกรัม ในทุกๆ 4 สัปดาห์ถ้าจำเป็น
- เด็ก: ไม่มีรายงานขนาดการใช้ยานี้ในเด็ก เนื่องจากโรคเกาต์เป็นโรคของผู้ใหญ่

สนับสนุนการรักษาของยาปฏิชีวนะ: เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 10 – 14 วัน สำหรับผู้ป่วยซิฟิลิสระบบประสาท (Neurosyphilis) โดยให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ Penicillin G. procaine หรือรับประทาน 1 กรัมครั้งเดียวในผู้ป่วยโรคหนองใน (Gonorrhea) โดยให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ Ampicillin หรือ Cefuroxime
- เด็กอายุ 2 – 14 ปี: คำนวณจากน้ำหนักตัว รับประทาน 25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโล กรัมโดยให้ครั้งเดียว ร่วมกับ Penicillin ขนาดรับประทานที่คงระดับการรักษาอยู่ที่ 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 4 ครั้ง ควรรับประทานพร้อมอาหารหรือรับ ประทานพร้อมยาลดกรดและดื่มน้ำตามอย่างพอเพียง
*ห้ามใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
ข้อควรระวังการใช้ยาโพรเบเนซิด เช่น
1.ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่แพ้ยาโพรเบเนซิด
2.ห้ามใช้ยานี้รักษากับผู้ป่วยด้วยโรคเกาต์ชนิดเฉียบพลัน
3.ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นนิ่วในไต (Uric acid nephrolithiasis)
4.ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคเลือดหรือมีความผิดปกติของเลือด
5.ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
6.ระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
7.ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วย โรคไต โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรค/ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Probenecid
ยา Probenecid มักก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เจ็บเหงือก ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ หน้าแดง ผื่น คัน หรือผมร่วง หากอาการที่เกิดขึ้นไม่หายไปควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม และหากเกิดอาการรุนแรงหรือพบได้ยากต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปปรึกษาแพทย์ทันที
- มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน ลมพิษ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาในการหายใจ อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องบวม
- ปวดหลังส่วนล่างหรือข้างลำตัวอย่างรุนแรง
- ปัสสาวะลำบากหรือเจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นฟอง
- ตาบวม ข้อเท้าหรือเท้าบวม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- ผิวซีดหรือเหลือง
- มีสัญญาณของการติดเชื้อ อย่างมีไข้หรือเจ็บคอ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่น ๆ หลังจากการใช้ยา Probenecid นอกเหนือจากนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การเก็บรักษายาโพรเบเนซิด
1.เก็บยาที่อุณหภูมิระหว่าง 15 – 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
2.บรรจุยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด เก็บในที่ที่พ้นแสง/แสงแดด
3.หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น
4.เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
5.และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– web haamor
– web pobpad
– web hellokhunmor
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM