โรคเครียดสะสม (Stress Chronic) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดที่สะสมและไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมในระยะยาว ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อความเครียดไม่ได้รับการบรรเทาหรือจัดการอย่างมีประสิทธิภาพอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ รวมถึงโรคทางกายและจิตใจที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
สาเหตุของโรคเครียดสะสม
- ภาระงานที่สูงเกินไป : การทำงานหนักหรือมีงานมากเกินไป โดยไม่มีเวลาพักผ่อนหรือไม่สามารถบริหารจัดการเวลาได้อย่างดี
- ปัญหาทางการเงิน : ความกังวลเกี่ยวกับรายได้หรือภาระหนี้สิน
- ความขัดแย้งในที่ทำงานหรือในชีวิตส่วนตัว : ปัญหาความสัมพันธ์หรือความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน, หัวหน้า หรือสมาชิกในครอบครัว
- ปัญหาสุขภาพ : ความเจ็บป่วยหรือปัญหาสุขภาพที่ทำให้ต้องกังวลตลอดเวลา
- ความคาดหวังสูงจากตนเองหรือสังคม: ความคาดหวังที่สูงเกินไปในการทำงาน หรือการพยายามทำตามมาตรฐานที่คนอื่นคาดหวัง
- ความไม่สมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว: การทุ่มเทเวลาให้กับงานมากเกินไปจนไม่ได้มีเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมที่ชอบ
อาการของโรคเครียดสะสม
1.อาการทางกาย :
- ปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับหรือนอนตื่นบ่อย
- ปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย, ท้องผูก หรือแสบร้อนกลางอก
- ความดันโลหิตสูง
2.อาการทางจิตใจ :
- วิตกกังวลตลอดเวลา หรือรู้สึกตึงเครียด
- ซึมเศร้า รู้สึกหมดกำลังใจหรือไม่มีความสุข
- ความรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว
3.พฤติกรรม :
- การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการกิน (กินมากเกินไปหรือน้อยเกินไป)
- สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติดเพื่อลดความเครียด
- ขาดการออกกำลังกายหรือการดูแลตัวเอง

ผลกระทบจากโรคเครียดสะสม
1.ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย :
- อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคกระเพาะอาหาร, และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง
- การเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น อาการปวดหลัง, ปวดข้อ, ปัญหาการหายใจ หรือภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง
2.ผลกระทบต่อสุขภาพจิต :
- โรคซึมเศร้า, ความวิตกกังวล, ภาวะเครียดเรื้อรัง, หรือโรคจิตเภท
- ขาดความพึงพอใจในชีวิต, ความรู้สึกสิ้นหวัง และไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยสนุกได้
3.ผลกระทบต่อการทำงานและชีวิตส่วนตัว :
- ลดประสิทธิภาพในการทำงาน, การตัดสินใจผิดพลาด, หรือไม่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
- ความสัมพันธ์ในที่ทำงานและที่บ้านอาจได้รับผลกระทบจากความเครียด
- อาจส่งผลต่อการดูแลครอบครัวและเพื่อนฝูง
วิธีการจัดการกับโรคเครียดสะสม
1.การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายสามารถช่วยลดความเครียดได้ดี ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเอนดอร์ฟิน (สารที่ช่วยให้รู้สึกดี) ซึ่งทำให้ผ่อนคลายและลดความเครียด
2.การฝึกสมาธิและการหายใจลึก :
- การฝึกสมาธิ หรือการทำโยคะช่วยให้จิตใจสงบและลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การฝึกหายใจลึก ๆ หรือการทำการฝึกหายใจแบบผ่อนคลายสามารถช่วยลดความเครียดได้
3.การพักผ่อนที่เพียงพอ : การนอนหลับที่เพียงพอสำคัญมากในการลดความเครียด ควรพยายามจัดการเวลาให้นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงทุกคืน
4.การพูดคุยและแบ่งปันความรู้สึก : การพูดคุยกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวเกี่ยวกับความเครียดที่เกิดขึ้นสามารถช่วยให้ผ่อนคลายได้ การมีการสนับสนุนจากคนใกล้ตัวสำคัญมากในการจัดการกับความเครียด
5.การปรับวิธีการทำงาน : การจัดการงานให้มีประสิทธิภาพ การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม และการพยายามหลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเวลา หรือการขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
6.การใช้กิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย : การทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกสนุก เช่น การอ่านหนังสือ, ฟังเพลง, หรือทำกิจกรรมศิลปะ ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้รับการฟื้นฟู
7.การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ : หากรู้สึกว่าความเครียดสะสมกลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง ควรขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อหาวิธีการจัดการที่เหมาะสม
สรุป :
โรคเครียดสะสมสามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในชีวิตประจำวัน เช่น งานที่มากเกินไป, ความวิตกกังวล, และปัญหาความสัมพันธ์ แต่สามารถบรรเทาและจัดการได้ด้วยการดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย การฝึกสมาธิ การปรับสมดุลชีวิตและงาน, และการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้มีชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดีได้
หากท่านมีปัญหาสุขภาพ หรือต้องการปรึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์และการใช้ยา สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่หน้าร้านขายยาจุฬาลักษณ์เภสัชทุกสาขา หรือใช้บริการให้คำปรึกษา ช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทางของเรานะคะ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์
– นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์
– พญ.สิริพัชร เพิงใหญ่ จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์
– กรมสุขภาพจิต
– สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM