ถ้าผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ สามารถแพร่เชื้อไปที่ผู้หญิงได้หรือไม่

หากผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ สามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังคู่นอนที่เป็นผู้หญิงได้อย่างแน่นอนครับ

กลไกการแพร่เชื้อและความเสี่ยง

หูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) การติดต่อหลักคือการสัมผัสผิวหนังต่อผิวหนังในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ [1] ซึ่งรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด, ทางทวารหนัก และทางปาก

  • การแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสผิวหนัง: แม้จะไม่มีหูดให้เห็น เชื้อไวรัส HPV ก็ยังสามารถอาศัยอยู่บนผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศได้ ดังนั้นแม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ 100% เพราะเชื้อสามารถแพร่ผ่านผิวหนังส่วนที่ไม่ได้ถูกปกคลุมได้ [2]
  • ความเสี่ยงที่สำคัญต่อผู้หญิง: การติดเชื้อ HPV จากคู่นอนมีความเสี่ยงที่มากกว่าการเกิดแค่หูดหงอนไก่ เพราะเชื้อ HPV มีหลายสายพันธุ์
    • สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ: ส่วนใหญ่แล้วหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
    • สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง: แต่ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงอาจได้รับเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง (เช่น HPV 16 และ 18) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ มะเร็งปากมดลูก โดยที่ผู้ชายอาจเป็นพาหะโดยไม่รู้ตัว และผู้หญิงจะไม่มีอาการใดๆ ให้เห็นในช่วงแรก [3]

คำแนะนำที่สำคัญสำหรับทั้งสองฝ่าย

  1. ปรึกษาแพทย์: ทั้งผู้ชายและผู้หญิงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำทางการแพทย์ที่ถูกต้อง แพทย์จะแนะนำแนวทางการรักษาหูดสำหรับผู้ชาย และการตรวจคัดกรองที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง
  2. การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV: เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด [4] หากผู้หญิงยังไม่เคยฉีดวัคซีน ควรพิจารณาฉีดวัคซีน HPV ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อทั้งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดและสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
  3. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก: ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีคู่นอนที่มีประวัติเป็นหูดหงอนไก่ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (เช่น Pap Smear) อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ตั้งแต่เนิ่นๆ [3]

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ Finasteride%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87-1024x425.jpg

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”


ข้อมูลอ้างอิง

  1. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (n.d.). About Genital HPV Infection. Retrieved from https://www.cdc.gov/std/about/about-genital-hpv-infection.html
  2. Verywell Health. (2025, September 11). My Partner Has Genital Warts. Will I Get Them?. Retrieved from https://www.verywellhealth.com/my-partner-has-hpv-now-what-3132707
  3. Mayo Clinic. (n.d.). HPV infection – Symptoms & causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hpv-infection/symptoms-causes/syc-20351596
  4. World Health Organization (WHO). (n.d.). Human papillomavirus and cancer. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/human-papilloma-virus-and-cancer

เรียบเรียงโดย (Compiled by)  : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี