หูดหงอนไก่ที่ “รักษายากและหายช้า”

หูดหงอนไก่ที่ “รักษายากและหายช้า” (Recalcitrant Warts) หมายถึง รอยโรคที่ยังคงอยู่หรือกลับมาเป็นซ้ำ หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีการมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา อย่างน้อย 3 เดือน (เช่น การทายา Imiquimod ครบ 16 สัปดาห์ หรือการจี้ด้วยยา/ความเย็นหลายครั้ง) หรือรอยโรคมีขนาดใหญ่/มีจำนวนมากจนต้องใช้เวลารักษานานกว่า 6 เดือน

นิยาม “หายช้า” ตามระยะเวลาการรักษา

โดยปกติแล้ว แพทย์จะประเมินผลการรักษาหูดหงอนไก่ ดังนี้:

สถานการณ์ระยะเวลาการรักษาที่บ่งชี้ว่า “หายช้า”สาเหตุที่เป็นไปได้
การรักษาด้วยยา (Imiquimod)รอยโรคยังคงอยู่หรือตอบสนองน้อยมาก เมื่อใช้ยาตามคำแนะนำต่อเนื่อง เกิน 4 เดือน (16 สัปดาห์)รากหูดฝังลึก, ภูมิคุ้มกันต่ำ, ความรุนแรงของเชื้อ, การทายาไม่ถูกต้อง
การรักษาด้วยการทำลาย (จี้ด้วยยา TCA/Podophyllin, จี้ความเย็น)ต้องเข้ารับการจี้ซ้ำติดต่อกัน มากกว่า 6-8 ครั้ง หรือจี้แล้วหายไป แต่ กลับมาเป็นซ้ำ 3-4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 6 เดือนภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดไวรัสที่แฝงอยู่ได้, มีการติดเชื้อซ้ำจากคู่นอน
รอยโรคคงอยู่เรื้อรังรอยโรคยังคงอยู่ (Persist) หรือเกิดซ้ำ (Recur) ตลอดระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี แม้จะพยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วถือเป็นกรณีที่รักษายากที่สุด และอาจต้องพิจารณาวิธีการรักษาที่รุกรานมากขึ้น (เช่น เลเซอร์ หรือการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน)

สาเหตุหลักที่ทำให้รักษายาก (Recalcitrance)

ภาวะที่หูดหงอนไก่ “รักษายาก” ไม่ใช่เพราะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ แต่มักเกิดจากปัจจัยเหล่านี้:

  1. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง/อ่อนแอ: เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปทำลายเชื้อ HPV ที่แฝงอยู่ในเซลล์ผิวหนังได้
  2. รอยโรคขนาดใหญ่/ซับซ้อน: หูดที่มีขนาดใหญ่มาก หรือรวมกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ มักต้องการวิธีการรักษาแบบผ่าตัดหรือเลเซอร์ร่วมด้วย
  3. การติดเชื้อซ้ำจากคู่นอน (Re-infection): การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ติดเชื้อ (แม้จะไม่แสดงอาการ) ในช่วงที่รักษายังไม่หายขาด ทำให้เชื้อใหม่เข้าสู่ร่างกายและเกิดรอยโรคใหม่ได้เรื่อย ๆ
  4. การสูบบุหรี่: มีงานวิจัยที่ชี้ว่าการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยที่ทำให้การรักษาหูดหงอนไก่ได้ผลช้าลงอย่างชัดเจน
  5. สายพันธุ์เชื้อ HPV: ในบางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ย่อยของ HPV ที่มีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันสูงกว่าปกติ

การรับมือกับภาวะ “รักษายาก”

หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษานานหลายเดือนและยังไม่หายขาด แพทย์อาจพิจารณา:

  • เปลี่ยนวิธีการรักษา (Shift of Modality): จากยาเฉพาะที่ไปเป็นการจี้ด้วยความเย็น/จี้ไฟฟ้า/เลเซอร์ หรือการผ่าตัด
  • การใช้ยาแบบรวม (Combination Therapy): การใช้ยาทาควบคู่กับการจี้หรือการทำลายรอยโรค
  • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): การใช้ยาหรือสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันในบริเวณหูด (เช่น การทายา DCP) ในผู้ป่วยที่มีรอยโรคจำนวนมากหรือดื้อต่อการรักษา

“ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการปรึกษาและวินิจฉัยจากแพทย์หรือเภสัชได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยา หรือมีปัญหาสุขภาพ”


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. โรงพยาบาลรามคำแหง. เรื่องลับๆ ของผู้ชาย ที่ควรรู้ “หูดหงอนไก่”. [ข้อมูลการใช้ยา Imiquimod]
  2. Medparkhospital.com. หูดหงอนไก่ (Genital warts) สาเหตุ อาการ การรักษา. [ข้อมูลการเกิดซ้ำและปัจจัยเสี่ยง]
  3. Happybirthclinic.com. หูดหงอนไก่ใช้เวลารักษานานไหม? [ข้อมูลระยะเวลาการรักษาโดยการจี้ด้วยยา]

เรียบเรียงโดย (Compiled by)  : www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี