เอกสารกำกับยา
เอโทซิน อะชิโธรมัยชินชนิดแคปซูล
ชื่อและความแรงของตัวยาสำคัญ :ใน 1 เม็ด ประกอบด้วย
Azithromycin Dihydrate (อะซิโรรมัยชิน ไดไฮเดรท) 262.050 มิลลิกรัม
เทียบเท่ากับ Azithromycin (อะซิโธรมัยชิน ) 250.000 มิลลิกรัม
ลักษณะผลิตภัณฑ์ :
แคปซูลสีขาวขุ่น เบอร์ 0 ภายในบรรจุผงยาสีขาวถึงขาวออกเหลือง
เกสัชพลศาสตร์/ภสัชจลนศาสตร์ :ยา Azithromycin เป็นยาปฏิชีวนะกูลุ่ม macrolide ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบดที่เรีย โดยการจับกับ 50s ribosomal subunit ของเชื้อจุลซีพที่ไวต่อยานี้ ส่งผลไปยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน แต่ไม่มีผลต่อการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก
การดูดซึม : ถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็วเมื่อบริหารยาโดยการรับประทานโดยมีชีวประสิทธิผล ประมาณ 38%มีความเข้มขั้นของยาในเลือดสูงสุด เท่ากับ 0.5 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร (เมื่อให้ยาในขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งเดียว) และระดับยาในเลือดจะขึ้นสงสุดในเวลา 2-3 ชั่วโมง
การกระจายยา : ยา Azthromycin สามารถกระจายไปทั่วร่างกาย โดยมีระดับความเข้มขันของยาในเนื้อเยื่อกว่าในซึรัมถึง 10-100 เท่า มีปริมาตรการกระจายาเท่ากับ 31.1 ลิตร/กิโลกรัม เมื่อให้ยาโดยการรับประทานยานี้สามารถกระจายเข้าสู่บริเวณผิวหนัง ปอด เสมหะ ทอนซิล และปากมดลูกได้ดี แต่มีการซึมผ่านเข้าสู่น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังที่ต่ำ
เมแทบอลิซึม : ยานี้ถูกเมแทบอลิซึมทางตับได้เป็นสารเมแทบอไลท์ที่ไม่มีฤทธิ์
การขจัดยา : ยานี้ถูกขับออกในรูปที่ไม่เปลี่ยนแปลงทางน้ำดีเป็นหลัก และประมาณ 6% ของขนาดยาจะถูกขับออกทางปัสสาวะ

ข้อบ่งใช้ :
ยา Azithromycin มีข้อบ่งใช้รักษา :
- การติดเชื้อแบคทีเรียที่กำเริบอย่างเฉียบพลันในโรดปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่เกิดจากเชื้อ H. iniuenzae. M. catarihalis. S. pneumoniae
- ไซนัสอัทเสบเฉียบพลันจากการติดเชื้อแบคทีเรียA6 infuonzae, M.catarhalis, S. pneumoniae
- การติดเชื้อเฉียบพลันในหูชั้นกลาง ที่เกิดจากเชื้อ H. infuenzae, M. catarrhalis, S. pneumoniae
- โรดปอดอักเสบจากการติดเชื้อในชุมชน (CAP) ที่เกิดจากเชื้อ H. infuenzae, M. pneumoniae, S. pneumoniae,
- แผลริมอ่อน (Chancroid) ในชาย ที่เกิดจากูเชื้อ Haemophilus ducreyi
- Chlamydophila pneumoniae
- คอหอยอักเสบ/ทอนซิลอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อ S. pyogenes
- การติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างของผิวหนังชนิดไม่ชับซ้อน ที่เกิดจากเชื้อ S.auneus, SPyogenes,Streptococcus agalactiae
- ท่อปัสสาวะอักเสบและปากมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อ Chamydia trachomatis (หนองในเทียม)
- ท่อปัสสาวะอักเสบและปากมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorhoeae (หนองในแท้)
ขนาดยาที่แนะนำ :
ผู้ใหญ่ :
-การติดเชื้อแบดที่เรียที่กำเริบอย่างเฉียบพลันในโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รุนแรงน้อยถึงปานกลาง)
ขนาดยาปกติ : 500 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 3 วัน
ขนาดยาทางเลือก : รับประทาน 500 มิลลิกรัม ครั้งเดียวในวันแรก จากนั้นรับประทาน 250 มิลลิกรัม
วันละครั้ง ในวันที่ 2 จนถึงวันที่ 5
– ไซนัสอักเสบเฉียบพลันจากการติดเชื้อแบดทีเรีย : 500 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 3 วัน
รับประทาน 250 มิลลิกรัม วันละครั้ง ในวันที่ 2 จนถึงวันที่ 5
- โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อในชุมชน (รุนแรงน้อย) : รับประทาน 500 มิลลิกรัม ครั้งเดียวในวันแรก จากนั้นรับประทาน 250 มิลลิกรัม วันละครั้ง ในวันที่2 จนถึงวันที่5
- แผลริมอ่อน (chancroid) : รับประทาน 1 กรัม ครั้งเดียว
- หนองในแท้ : รับประทาน 2 กรัม ครั้งเดียว
- หนองในเทียม : รับประทาน 1 กรัม ครั้งเดียว
- คอหอยอักเสบ/ทอนซิลอักเสบ (second-line therapy) : รับประทาน 500 มิลลิกรัม ครั้งเดียวในวันแรก จากนั้น รับประทาน 250 มิลลิกรัม วันละครั้ง ในวันที่ 2 จนถึงวันที่ 5
- การติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างของผิวหนังชนิดไม่ซับซ้อน : รับประทาน 500 มิลลิกรัม ครั้งเดียวในวันแรกจากนั้นรับประทาน 250 มิลลิกรัม วันละครั้ง ในวันที่ 2 จนถึงวันที่ 5
เด็ก :
เด็กยาย 2 ปี ขึ้นไป
– คอหอยอักเสบ/ทอนซิลอักเสบ
ขนาดยาปกติ : รับประทานครั้งละ 12 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วันละครั้ง นาน 5 วัน
ขนาดยาสูงสุด : 500 มิลลิกรัมต่อวัน
เด็กอายุ 6 เดือน ขึ้นไป
-ไซนัสอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลัน : รับประทานครั้งละ 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
วันละครั้ง นาน 3 วัน
-การติดเชื้อในหูชั้นกลางเฉียบพลัน
ขนาดยาปกติ : รับประทานครั้งละ 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ครั้งเดียว
ขนาดยาทางเลือก : รับประทาน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วันละครั้ง นาน 3 วัน หรือ 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมครั้งเดียวในวันแรก จากนั้นรับประทาน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในวันที่ 2 จนถึงวันที่
- โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อในชุมชน : รับประทาน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ครั้งเดีย
จากนั้นรับประทาน 5 มิลลิกรัม/กิโลกร้ม ในวันที่ 2 จนถึงวันที่ 5
การปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่ไตทำงานบกหร่อง : ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่มี GFR น้อยกว่า
10 มิลลิลิตร/นาที
การปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่ตับทำงานบกพร่อง : ควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากทำให้เกิดพิษต่อตับได้ (เกิดน้อย) และยังไม่มีแนวทางเฉพาะสำหรับการปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่อง
วิธีการให้ยา :
ยา Azithromycin สามารถรับประทานพร้อมหรือไม่พร้อมกับอาหารก็ได้
ข้อห้ามใช้ :
ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา Azthromycin ยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrollde อื่น ๆ หรือส่วนประกอบในสูตรตำรับ
คำเตือน :
1. ห้ามูใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้
2. ยานี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตับได้
ข้อควรระวัง :ไม่มีอาการดีซ่านร่วมด้วย
ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรดตับมาก่อนโAรทำงานของดับบกพร่อง ซึ่งอาจมีหรือ
ควรหยุดยานี้ เมื่อเกิดอาการเมื่อยล้า คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง colic และมีไข้
มีรายงานของการเกิดการแพ้ยา (เกิดน้อย) ซึ่งอาการแพ้ยาอาจเกิดขึ้นซ้ำได้ แม้หยุดใช้ยา Azithromycin แล้ว ยา Azithromycin อาจมีผลปิดบังอาการหรือยืดเวลาของการพบอาการของโรคหน่องในหรือซิฟิลิส ดังนั้นจึง ควรมีการตรวจเพาะเชื้อที่เหมาะสมในผู้ป่วยก่อนให้ยา Azithromycin
การใช้ยา Azithromycin เป็นเวลาน่านอาจทำให้ติดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น ท้องเสียที่มีสาเหตุจาก การติดเชื้อ C. difcile (CDAD) และลำไส้อักเสบ (pseudomembranous colitis)
ควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่ไตทำงานบกพร่อง
อย่างระมัตระวังในผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิด prolonged cardiac repolarization
พบรายงานของการเกิด prolonged QT. interval จากการใช้ยาป่ฏิชีวนะกลุ่ม macrolide จึงควรใช้ยานี้
ควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็นโรดกล้ามเนื้ออ่อนล้าอย่างรุนแรง
อันตรกิริยากับยาอื่น ๆ :
ยา Azithromycin เป็นสารที่ถูกเมแทบอไลด์โดยเอนไซม์ CVP3A4 ได้เล็กนักย และเป็นสารยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4 อย่างอ่อน จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยา artemether, BCG, dronedarone.lumefantine, nilotinib, pimozide, quinine, tetrabenazine, thioridazine และ ziprasidone
ยา Azithromycin อาจเพิ่มฤทธิ์ของยากลุ่ม cardiac glycosides, cyclosporine, dronedarone, pimozide,QT prolonging agents, quinine, tacrolimus, tetrabenazine, thionidazine, vitamin K antagonist และ ziprasidoneconivaptan, gadobutrol, umefantrine, nilotinib และ quinine.
ของยา Azithromycinาเพิ่มขึ้นได้จากยา alfuzosin, artemether, chioroquine, ci
ยา Azithromycin อาจมีผลลดฤทธิของวัดซีนบีซีจี่ และ วัคซีนไทฟอยด์
สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร :
สตรีมีครรภ์ยาจัดอยู่ในระดับความเสี่ยง Bโดยยังไม่พบการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยากลุ่ม Macrolide
ในสตรีมีครรภ์ที่มีการควบคุมเป็นอย่างดีและเพียงพอ ดังนั้นจึงควรใช้ยา Azithromycin เมื่อจำเป็นเท่านั้น
สตรีระหว่างให้นมบุตร : ยา Azithromycin อาจมีการละสมในน้ำนม แต่สามารถพิจารณาให้ใช้ยา
นี้ได้ด้วยความระมัตระวังเป็นพิเศษ
อาการไม่พึงประสงค์
ทางเดินอาหาร :ท้องเสีย ดลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร ปวดเกร็งในช่องท้อง อาเจียน ติดเชื้อราในปาก
ผิวหนัง : คัน ผืน
ทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์ : ช่องคลอดอักเสบ ไตวายเฉียบพลัน
ระบบหัวใจและหลอดเลือด : หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ
ระบบประตาทส่วนกลาง : มีพฤติกรรมก้าวร้าว วิตกกังวล ไม่อยู่นิ่ง อัมพาด เป็นลม
ระบบโลหิต : เกล็ดเลือดต่ำ
ตับ : ดีซ่านจากการอุดตันของท่อน้ำดี เซลล์ตับตาย และตับล้มเหลว (พบน้อย)
ประตาทรับความรู้สึก : รบกวนการได้ยิน เช่น หูหนวก และหรือ หูอื้อ สูญเสียการรับรส การรับกลิ่นผิดปกติอื่น ๆ : ปวดข้อ บวมน้ำ
การได้รับยาเกินขนาดและวิธีการรักษา :
อาการ : อาการพิษจากการได้รับยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide ได้แก่ ปวดท้อง ท้องเสีย ดลื่นไส้ และอาเจียนการรักษา : เป็นการรักษาแบบประดับประคอง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการล้างไตทางช่องท้องไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ
สภาวะการเก็บรักษา :
เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30’C
รูปแบบยาและขนาดบรรจุที่มีจำหน่าย :แคปซูลสีขาวขุ่น บรรุจุในแผงพีวีซี-อลูมิเนียมบลิสเตอร์แผงดูมิเนียม-อดูมิเนียมบลิสเตอร์ แผงละ 6, 8,10 และ 12 แคปซูล บรรจุกล่องกระดาษ กล่องละ 1, 2, 3, 4. 5, 6, 8, 10, 12, 15, 20, 24, 30, 50 และ 100 แผง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– เอกสารกำกับยา
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM