แผลเริมตกสะเก็ดแล้ว – ยังต้องทายาอยู่ไหม?

แผลเริมมีระยะการหายอย่างไร?   แผลเริม (จากเชื้อไวรัส HSV) มักเริ่มจากอาการ แสบ คัน ตึงผิว → มีตุ่มน้ำใส → แผลแตก → ตกสะเก็ด → ผิวหนังฟื้นฟูจนกลับมาเป็นปกติ
ช่วงที่แผล “ตกสะเก็ด” มักเป็นปลายสุดของวงจรการกำเริบ ซึ่งผู้ป่วยหลายคนสงสัยว่า…
“จำเป็นต้องทายาอีกหรือไม่?”

ตอบชัด ๆ: แผลเริมตกสะเก็ดแล้ว ยังต้องทายาไหม?

โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องทายาต้านไวรัสต่อ
หากแผลเข้าสู่ระยะสะเก็ดแห้ง ไม่มีตุ่มน้ำหรือของเหลวอีก
แต่ยังควร ดูแลผิวบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง จนแผลหายสนิท เพื่อป้องกันแผลหลุดก่อนเวลา หรือแผลลอกซ้ำ

ยาแต่ละชนิด ควรหยุดใช้เมื่อไร?

ประเภทตัวอย่างใช้ถึงเมื่อไร?
ยาต้านไวรัสชนิดทาAcyclovir creamหยุดใช้เมื่อแผลตกสะเก็ดสนิทแล้ว
ยากินต้านไวรัสValacyclovirใช้ครบตามจำนวนวันที่แพทย์สั่ง (แม้แผลจะแห้งแล้ว)
ครีมบำรุงผิว / ป้องกันแผลแห้งแตกวาสลีน, มอยส์เจอร์ไรเซอร์ใช้ได้ต่อไปจนผิวกลับมาเรียบเนียน

วิธีดูแลแผลช่วงตกสะเก็ด

  1. อย่าแกะสะเก็ด! – แม้จะคันหรือรู้สึกตึง
  2. ทาครีมป้องกันแผลแห้งแตก เช่น วาสลีน
  3. ล้างมือก่อนสัมผัสทุกครั้ง
  4. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ลมแรง หรืออากาศแห้ง
  5. หากมีอาการระคายเคือง ปรึกษาด้านยา หรือเภสัชกรได้ที่ร้านขายยาคุณภาพ

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • 🚫 ใช้ยาทาต้านไวรัสต่อแบบไม่จำเป็น – อาจระคายเคืองผิว
  • 🚫 แกะสะเก็ดแผลเอง เพราะจะทำให้แผลลึกหรือเป็นรอย
  • 🚫 ใช้เครื่องสำอางกลบรอยแผลโดยไม่ล้างมือ
  • 🚫 หยุดยากินกลางคัน แม้แผลจะดูดีขึ้นแล้ว

เมื่อไรคือ “แผลหายสนิท”?

  • เมื่อสะเก็ดแผลหลุดเอง (ไม่แกะ)
  • ผิวหนังเรียบ ไม่มีแผลเปิด
  • ไม่มีอาการปวด ตึง แสบ คัน
  • โดยทั่วไปใช้เวลา 7–10 วัน หลังแผลเริ่มขึ้น

อ่านเพิ่มเติม:[ทำไมแผลเริมบางคนหายเร็ว แต่บางคนหายช้า? ปัจจัยที่ควรรู้]


ข้อมูลอ้างอิง (References):

  1. Mayo Clinic. Cold sore healing stages and aftercare. mayoclinic.org
  2. CDC. HSV treatment duration and topical use. cdc.gov
  3. NHS. Managing herpes scabs and healing skin. nhs.uk

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี