มะเร็งปอด คืออะไร? สาเหตุ สัญญาณเตือน และความสำคัญของการตรวจคัดกรอง

มะเร็งปอด คืออะไร? สาเหตุ สัญญาณเตือน และความสำคัญของการตรวจคัดกรอง

มะเร็งปอด ถือเป็นโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลก และเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย [1] ความน่ากลัวของมะเร็งปอดคือมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมาพบแพทย์เมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลามแล้ว ซึ่งส่งผลต่อโอกาสในการรักษาให้หายขาด การทำความเข้าใจว่ามะเร็งปอดคืออะไร มีสาเหตุจากอะไร และมีสัญญาณเตือนแบบไหน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เราตระหนักและเข้ารับการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จครับ

มะเร็งปอด คืออะไร?

มะเร็งปอด (Lung Cancer) คือภาวะที่เซลล์ในปอดมีการเจริญเติบโตผิดปกติและควบคุมไม่ได้ โดยเซลล์เหล่านี้จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นก้อนเนื้อร้ายที่เรียกว่า “เนื้องอก” ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อปอดส่วนอื่น ๆ หรืออวัยวะใกล้เคียง เช่น หลอดลม หลอดอาหาร หัวใจ และอาจลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองและกระแสเลือดได้ [2]
ปอดของเรามีหน้าที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ หากเซลล์มะเร็งเข้าไปรบกวนการทำงานของปอด ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพโดยรวมอย่างร้ายแรง

ประเภทของมะเร็งปอด

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ตามลักษณะของเซลล์มะเร็งที่ตรวจพบภายใต้กล้องจุลทรรศน์ [3]:

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC): พบน้อยกว่า แต่มีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว มักเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่อย่างมาก
  2. มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC): เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด (ประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดทั้งหมด) มีการเจริญเติบโตช้ากว่าชนิดเซลล์เล็ก และมีหลายประเภทย่อยลงไป เช่น Adenocarcinoma, Squamous Cell Carcinoma

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงหลักของมะเร็งปอด

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด คือการที่เซลล์ในปอดได้รับความเสียหายจากสารพิษต่างๆ จนเกิดการกลายพันธุ์และแบ่งตัวผิดปกติ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ [4, 5]:

  1. การสูบบุหรี่: เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดมะเร็งปอด ทั้งการสูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า หรือแม้แต่การใช้ยาสูบชนิดอื่นๆ ยิ่งสูบนาน สูบมาก ความเสี่ยงยิ่งสูง
  2. การได้รับควันบุหรี่มือสอง: ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่ได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่นเป็นประจำ ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  3. การสัมผัสสารเคมีอันตรายในสิ่งแวดล้อมและอาชีพ: เช่น แร่ใยหิน (Asbestos), เรดอน (Radon Gas), สารหนู (Arsenic), โครเมียม, นิกเกิล หรือสารเคมีจากการประกอบอาชีพบางอย่าง เช่น ช่างเชื่อม ช่างทำเหมือง
  4. มลภาวะทางอากาศ (PM2.5): ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีอยู่ในอากาศในระดับสูงเป็นเวลานาน ถือเป็นสารก่อมะเร็งปอดที่สำคัญเช่นกัน [6]
  5. ประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด: หากมีญาติสายตรงเป็นมะเร็งปอด อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  6. มีโรคปอดเรื้อรัง: ผู้ป่วยที่มีโรคปอดบางชนิด เช่น ถุงลมโป่งพอง วัณโรคปอด หรือพังผืดในปอด อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ

สัญญาณเตือนและอาการเบื้องต้นที่ควรสังเกต

ดังที่กล่าวไปข้างต้น มะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น อาจเริ่มมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้ [4, 7]:

  • ไอเรื้อรัง: ไอต่อเนื่องนานกว่า 2-3 สัปดาห์ อาจมีหรือไม่มีเสมหะ
  • ไอมีเสมหะปนเลือด หรือไอเป็นเลือด: เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
  • เจ็บหน้าอก: รู้สึกเจ็บแปลบๆ หรือปวดตื้อๆ ที่หน้าอก อาจเจ็บมากขึ้นเมื่อไอ หายใจลึกๆ หรือหัวเราะ
  • หายใจลำบาก หอบเหนื่อยง่าย: แม้ไม่ได้ออกแรงมาก
  • เสียงแหบ: เสียงเปลี่ยนไป หรือมีอาการเสียงแหบนานผิดปกติ
  • น้ำหนักลดผิดปกติ และอ่อนเพลีย: โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • เบื่ออาหาร: ไม่อยากรับประทานอาหาร
  • ติดเชื้อในปอดบ่อยๆ: เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ ที่เป็นซ้ำบ่อยๆ และรักษาไม่หายขาด
  • ปวดกระดูก: หากมะเร็งลามไปที่กระดูก
  • มีก้อนเนื้อที่คอหรือไหปลาร้า: อาจเป็นสัญญาณว่ามะเร็งลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว

ทำไมต้องใส่ใจสัญญาณเตือนและตรวจคัดกรอง?

อาการที่กล่าวมาข้างต้นอาจเป็นอาการของโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มะเร็งปอดได้เช่นกัน แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เป็นผู้สูบบุหรี่ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลภาวะสูง การละเลยสัญญาณเตือนอาจสายเกินไป

การ ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง (เช่น ผู้สูบบุหรี่หนัก หรือเคยสูบเลิกไปแล้ว) ด้วยการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-Dose CT Scan – LDCT) สามารถช่วยตรวจพบมะเร็งปอดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นระยะที่การรักษามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงและสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ [8]
อย่ารอให้ถึงวันที่อาการรุนแรงแล้วจึงมาพบแพทย์ การตระหนักรู้และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย คือก้าวแรกสู่การมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยจากมะเร็งปอดครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2566). สถิติมะเร็ง. เข้าถึงได้จาก: https://www.nci.go.th/th/Fact_sheet/Fact_Sheet_Cancer_TH.pdf
  2. Mayo Clinic. (2024, Mar 02). Lung cancer – Overview. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/lung-cancer/home/ovc-20202534
  3. American Cancer Society. (2024, May 01). Types of Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/about/what-is-lung-cancer.html
  4. National Cancer Institute. (n.d.). Lung Cancer – Health Professional Version. Retrieved from https://www.cancer.gov/types/lung/hp/lung-treatment-pdq
  5. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023, Dec 14). What Are the Risk Factors for Lung Cancer?. Retrieved from https://www.cdc.gov/cancer/lung/basic_info/risk_factors.htm
  6. กรมควบคุมมลพิษ. (2563). PM2.5 สารก่อมะเร็ง. เข้าถึงได้จาก: https://www.pcd.go.th/publication/19799
  7. American Lung Association. (n.d.). Symptoms of Lung Cancer. Retrieved from https://www.lung.org/lung-health-diseases/lung-disease-lookup/lung-cancer/symptoms
  8. American Cancer Society. (2024, May 01). Lung Cancer Screening Guidelines. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/detection-diagnosis-staging/screening.html

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

ยังไม่มีบัญชี