แนวทางการรักษามะเร็งปอด: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

มะเร็งปอดรักษาอย่างไร? สำรวจทางเลือกการรักษามะเร็งปอด ทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา ภูมิคุ้มกันบำบัด และยามุ่งเป้า เพื่อการรักษาที่เหมาะสมกับระยะโรค

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งปอด และทราบถึงระยะของโรคแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุดคือการวางแผน แนวทางการรักษา ในปัจจุบัน การรักษามะเร็งปอดมีความก้าวหน้าไปมาก มีทางเลือกที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสในการควบคุมโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีการรักษามะเร็งปอดที่สำคัญแต่ละวิธี เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถร่วมตัดสินใจกับแพทย์ได้อย่างมั่นใจครับ

หลักการพิจารณาเลือกแนวทางการรักษา

การเลือกวิธีการรักษามะเร็งปอดจะถูกกำหนดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วยอายุรแพทย์มะเร็ง ศัลยแพทย์ทรวงอก รังสีแพทย์ และพยาธิแพทย์ โดยจะพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ [1, 2]:

  • ชนิดของมะเร็งปอด: (เซลล์เล็ก หรือไม่เซลล์เล็ก)
  • ระยะของโรค: (มะเร็งลุกลามไปมากน้อยเพียงใด)
  • การกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง: (หากตรวจพบการกลายพันธุ์บางชนิด อาจตอบสนองต่อยามุ่งเป้าได้ดี)
  • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย: (โรคประจำตัว, ความแข็งแรงของร่างกาย)
  • ความต้องการและเป้าหมายของผู้ป่วย


ทางเลือกในการรักษามะเร็งปอดที่สำคัญ

1. การผ่าตัด (Surgery)

การผ่าตัดถือเป็นวิธีหลักในการรักษา มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (NSCLC) ใน ระยะเริ่มต้น ที่มะเร็งยังจำกัดอยู่เฉพาะที่ปอดและไม่ได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ จุดประสงค์คือการตัดก้อนเนื้อร้ายและเนื้อเยื่อปอดส่วนที่มีมะเร็งออกไป รวมถึงต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง [3]

  • ข้อดี: มีโอกาสรักษาหายขาดสูงที่สุดในระยะเริ่มต้น
  • ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงพอ หรือมะเร็งที่ลุกลามมากแล้ว

2. เคมีบำบัด (Chemotherapy)

เคมีบำบัดคือการใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย [4] ยาจะเดินทางไปตามกระแสเลือดและออกฤทธิ์ต่อเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวเร็ว

  • ใช้เมื่อ:
    • ก่อนผ่าตัด (Neoadjuvant Chemotherapy): เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งให้ผ่าตัดได้ง่ายขึ้น
    • หลังผ่าตัด (Adjuvant Chemotherapy): เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ
    • รักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (SCLC): ซึ่งมักตอบสนองต่อเคมีบำบัดได้ดี
    • รักษามะเร็งปอดที่แพร่กระจายแล้ว: เพื่อควบคุมโรคและบรรเทาอาการ

3. รังสีรักษา (Radiation Therapy)

รังสีรักษาคือการใช้รังสีพลังงานสูง (เช่น รังสีเอกซ์) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ลดขนาดก้อนเนื้อ หรือบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการลุกลามของมะเร็ง [5]

  • ใช้เมื่อ:
    • รักษาร่วมกับการผ่าตัดหรือเคมีบำบัด: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
    • รักษามะเร็งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้: หรือผู้ป่วยที่ไม่พร้อมผ่าตัด
    • บรรเทาอาการ: เช่น อาการปวดจากมะเร็งที่ลามไปกระดูก หรืออาการหายใจลำบากจากก้อนมะเร็งที่ไปกดหลอดลม

4. ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)

ยามุ่งเป้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ของยีนบางชนิดเท่านั้น เช่น EGFR, ALK, ROS1 [6] ยาเหล่านี้จะไปยับยั้งกลไกสำคัญที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตและแบ่งตัว โดยมีผลกระทบต่อเซลล์ปกติในร่างกายน้อยกว่าเคมีบำบัด

  • ใช้เมื่อ: ตรวจพบการกลายพันธุ์ของยีนที่ตอบสนองต่อยาในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก
  • ข้อดี: ผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัด และมีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยที่มียีนกลายพันธุ์จำเพาะ

5. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการใช้ยาที่ไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยให้จดจำและต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง [7] โดยปกติ เซลล์มะเร็งมักมีกลไกหลบหลีกการตรวจจับของภูมิคุ้มกัน ยาภูมิคุ้มกันบำบัดจะเข้าไปปลดล็อกกลไกนั้น ทำให้ภูมิคุ้มกันของเรากลับมาทำลายเซลล์มะเร็งได้

  • ใช้เมื่อ: มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็กที่มักจะอยู่ในระยะลุกลาม หรือหลังการรักษาอื่น ๆ และอาจใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัด
  • ข้อดี: ผลข้างเคียงแตกต่างจากเคมีบำบัด และในบางรายผลการรักษาอาจอยู่ได้นาน

การรักษาร่วมกันและการดูแลแบบประคับประคอง

ผู้ป่วยมะเร็งปอดหลายรายอาจได้รับการรักษาแบบ ผสมผสาน หรือ ร่วมกัน (Combined Therapy) เช่น การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัดและ/หรือรังสีรักษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ได้ผลดีที่สุด

นอกจากนี้ การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care) ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมุ่งเน้นการบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากมะเร็งและผลข้างเคียงจากการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าโรคจะอยู่ในระยะใดก็ตาม [8]

การรักษามะเร็งปอดมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้แผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ หรือคนที่คุณรัก เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. National Cancer Institute. (n.d.). Lung Cancer Treatment (Adult) (PDQ®)–Patient Version. Retrieved from https://www.cancer.gov/types/lung/patient/lung-treatment-pdq
  2. Mayo Clinic. (2024, Mar 02). Lung cancer – Diagnosis & treatment. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/lung-cancer/diagnosis-treatment/drc-20202543
  3. American Cancer Society. (2024, May 01). Surgery for Non-Small Cell Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/treating/surgery.html
  4. American Cancer Society. (2024, May 01). Chemotherapy for Non-Small Cell Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/treating/chemotherapy.html
  5. American Cancer Society. (2024, May 01). Radiation Therapy for Non-Small Cell Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/treating/radiation.html
  6. American Cancer Society. (2024, May 01). Targeted Drug Therapy for Non-Small Cell Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/treating/targeted-therapy.html
  7. American Cancer Society. (2024, May 01). Immunotherapy for Non-Small Cell Lung Cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/lung-cancer/treating/immunotherapy.html
  8. World Health Organization (WHO). (n.d.). Palliative care. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/palliative-care


เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่มีบัญชี