ฝุ่น PM2.5 กับมะเร็งปอด: ภัยเงียบที่คุณต้องรู้และวิธีป้องกัน

ฝุ่น PM2.5 กับมะเร็งปอด: ภัยเงียบที่คุณต้องรู้และวิธีป้องกัน

ในยุคปัจจุบันที่มลภาวะทางอากาศทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหา ฝุ่น PM2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร ไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุของอาการระคายเคืองทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังเป็น ภัยเงียบ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็งปอด ได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างฝุ่น PM2.5 กับมะเร็งปอด ผลกระทบต่อสุขภาพ และวิธีป้องกันตัวเองเพื่อปกป้องปอดอันมีค่าของคุณครับ

ทำความรู้จักกับฝุ่น PM2.5: อนุภาคจิ๋วแต่แจ๋ว (ร้ายกาจ)

ฝุ่น PM2.5 คือฝุ่นละอองที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ประมาณ 25 เท่า [1] ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วนี้เอง ทำให้ฝุ่น PM2.5 สามารถ:

  • เล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายได้ลึก: สามารถเดินทางผ่านระบบทางเดินหายใจส่วนบน เข้าสู่หลอดลม และลงไปถึงถุงลมปอดได้อย่างง่ายดาย
  • ซึมเข้าสู่กระแสเลือด: เมื่ออยู่ในถุงลมปอด อนุภาคเหล่านี้สามารถซึมผ่านผนังถุงลมที่บางเฉียบเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปทั่วร่างกายได้ [2]

แหล่งกำเนิดของ PM2.5 มีหลากหลาย ทั้งจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในยานยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม การเผาในที่โล่ง การก่อสร้าง และไฟป่า

ความเชื่อมโยงระหว่างฝุ่น PM2.5 กับมะเร็งปอด

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ฝุ่นละออง PM2.5 เป็น สารก่อมะเร็งในมนุษย์ (Group 1 Carcinogen) ตั้งแต่ปี 2013 [3] ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับบุหรี่และแร่ใยหิน ซึ่งหมายความว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนและเพียงพอว่าฝุ่นชนิดนี้สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้จริง

กลไกที่ PM2.5 ก่อให้เกิดมะเร็งปอด:

  1. การอักเสบเรื้อรัง: เมื่ออนุภาค PM2.5 เข้าสู่ปอด จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในเนื้อเยื่อปอด การอักเสบที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานจะทำลายเซลล์ปอดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเซลล์ [4]
  2. สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อน: PM2.5 เป็นพาหะนำสารพิษและสารก่อมะเร็งอื่น ๆ ที่เกาะติดมาด้วย เช่น โลหะหนัก โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) สารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ปอดจะไปทำลาย DNA ของเซลล์ปอดโดยตรง ทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์และพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ [5]
  3. อนุมูลอิสระ (Free Radicals): PM2.5 สามารถกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่ทำลายเซลล์และ DNA ทำให้เซลล์ปอดมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งมากขึ้น [4]

งานวิจัยจำนวนมากทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีปัญหามลพิษสูง ได้ยืนยันความเชื่อมโยงนี้ โดยพบว่าการสัมผัส PM2.5 ในระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน [6, 7]

ผลกระทบอื่นๆ ของ PM2.5 ต่อสุขภาพ (นอกเหนือจากมะเร็งปอด)

นอกจากมะเร็งปอดแล้ว ฝุ่น PM2.5 ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาวอีกมากมาย [1, 2]:

  • ระบบทางเดินหายใจ: ไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก หอบหืดกำเริบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ระบบผิวหนังและดวงตา: ระคายเคืองตา ผิวหนังอักเสบ
  • ระบบประสาท: มีหลักฐานบางชิ้นบ่งชี้ว่าอาจมีผลต่อพัฒนาการทางสมองในเด็ก และเพิ่มความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ
  • หญิงตั้งครรภ์และทารก: อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ และเพิ่มความเสี่ยงภาวะคลอดก่อนกำหนด


วิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 เพื่อปกป้องปอด

แม้ว่าปัญหามลพิษทางอากาศจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราทุกคนสามารถลดความเสี่ยงและปกป้องตัวเองได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ [8, 9]:

  1. ตรวจสอบคุณภาพอากาศอยู่เสมอ: ติดตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
  2. สวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน: เมื่อค่า PM2.5 สูงเกินเกณฑ์ (โดยเฉพาะเกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ควรสวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่ระบุว่าสามารถป้องกัน PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อต้องออกนอกอาคาร
  3. ลดกิจกรรมกลางแจ้ง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่มีค่า PM2.5 สูง ควรจำกัดเวลาอยู่กลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง
  4. อยู่ในอาคารที่ปลอดภัย: ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อป้องกันฝุ่นเข้ามาในบ้าน หากเป็นไปได้ ควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้
  5. ลดการสร้างมลพิษ: ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดต้นตอของฝุ่น เช่น ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่เผาขยะ หรือเผาในที่โล่ง
  6. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย



ฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอดและร่างกายของเราทุกคน การรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี คือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้คุณและครอบครัวมีสุขภาพปอดที่แข็งแรง ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างมะเร็งปอดครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. กรมควบคุมมลพิษ. (2563). PM2.5 สารก่อมะเร็ง. เข้าถึงได้จาก: https://www.pcd.go.th/publication/19799
  2. World Health Organization (WHO). (2021). WHO global air quality guidelines: particulate matter (PM2.5 and PM10), ozone, nitrogen dioxide, sulfur dioxide and carbon monoxide. Retrieved from https://www.who.int/publications/i/item/9789240034228
  3. International Agency for Research on Cancer (IARC). (2013). Outdoor air pollution a leading environmental cause of cancer deaths. Retrieved from https://www.iarc.who.int/news-events/iarc-monographs-outdoor-air-pollution-a-leading-environmental-cause-of-cancer-deaths/
  4. พันธุศักดิ์ เอมสมบุญ และคณะ. (2562). ผลกระทบของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ต่อสุขภาพ: กลไกการเกิดโรคและการจัดการ. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า, 36(2), 209-224.
  5. US Environmental Protection Agency (EPA). (n.d.). Health Effects of PM2.5. Retrieved from https://www.epa.gov/pm-pollution/health-effects-pm
  6. Pope, C. A., III, & Dockery, D. W. (2006). Health Effects of Fine Particulate Air Pollution: Lines that Connect. Journal of the Air & Waste Management Association, 56(6), 709–742.
  7. Hamra, G. B., et al. (2015). Outdoor particulate matter exposure and lung cancer: a systematic review and meta-analysis. Environmental Health Perspectives, 123(11), 1109-1116.
  8. กรมอนามัย. (2563). แนวทางการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร (PM2.5). เข้าถึงได้จาก: https://anamai.moph.go.th/th/pm25/99859
  9. American Lung Association. (n.d.). How Air Pollution Affects Your Health. Retrieved from https://www.lung.org/lung-health-diseases/lung-disease-lookup/lung-cancer/related-conditions/air-pollution

เรียบเรียงข้อมูลโดย  www.chulalakpharmacy.com

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่มีบัญชี