โรคแบคทีเรียกินเนื้อคนหรือเรียกอีกอย่างว่าโรคเนื้อเน่า (Necrotizing fasciitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เนื้อเยื้อใต้ผิวหนัง อาทิ ไขมันใต้ผิวหนัง ผังผืดและกล้ามเนื้อ จะมีความรุนแรงมาก อันตรายถึงชีวิต ตอนนี้กำลังระบาดหนักที่ญี่ปุ่นเลย 500 กว่าราย แผลของบางคนก็อาจมีเชื้อได้หลายชนิด ถ้าเป็นในต่างประเทศก็มักจะเจอแบคทีเรียตามน้ำทะเล และเข้าสู่ร่างกายคนผ่านการว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือกินอาหารทะเลดิบหรือปรุงไม่สุก โดยเฉพาะพวกหอยต่างๆ อย่างหอยนางรม เพราะพวกนี้มันดูดซับแบคทีเรียไว้กับตัวได้ดี แล้วเป็นตัวที่เรานิยมกินดิบ
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและทำให้เกิดการอักเสบแบบมีเนื้อตายที่ผิวหนังตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้าถึงชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ พบบ่อยในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคเบาหวานหรือโรคตับแข็ง เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม
- กลุ่มแรกเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกัน เช่น เชื้อแอโรโมแนส (Aeromonas spp)
- กลุ่มที่สองเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียหนึ่งชนิดได้แก่ เชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปเอ (group A streptococcus) การติดเชื้อมักพบหลังการผ่าตัดหรือหลังประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดแผลและสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อแบคทีเรียซึ่งแตกต่างกันตามชนิดของเชื้อ เช่น เชื้อแอโรโมแนสจะพบในน้ำจืด น้ำกร่อย
บริเวณที่ติดเชื้อได้ง่าย
ส่วนใหญ่โรคนี้จะเป็นที่ขาและเท้า อย่างบ้านเราก็เจอเยอะ เพราะชาวไร่ชาวนาต้องเดินลุยนาข้าว ลุยพงหญ้า ทำให้มีแผลใบไม้ใบหญ้าบาด เปลือกหอยบาด กิ่งไม้ตำ พอเป็นแผลเล็กๆก็เลยไม่ได้สนใจทำความสะอาด บางคนก็ไปหาสมุนไพรมาพอกแผลเอง บ้างก็ย่ำโคลนตอนทำนา เชื้อโรคมันก็เลยเข้าไปในแผลได้ ทำให้อักเสบ ผิวหนังจะออกคล้ำๆ ลุกลาม หรือเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด บางคนถึงแก่ชีวิตก็มีหากรักษาไม่ทัน เพราะเชื้อจะทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเนื้อเน่าได้แก่
- ผิวหนังมีแผลจากแมลงกัดต่อย อุบัติเหตุถูกของมีคมตำหรือบาด แผลผ่าตัด
- มีโรคประจำตัว เช่น ติดสุรา ติดยาเสพติด โรคตับ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง วัณโรค
- อาจเกิดหลังจากป่วยเป็นโรคไข้สุกใส
- มีการใช้ยา Steroid หรือชอบกินยาชุด
- คนชรา
- คนอ้วน
วิธีป้องกันมีดังนี้
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ถ้าภูมิคุ้มกันต่ำเชื้อจะลุกลาม ติดเชื้อง่าย
- อย่าย่ำน้ำย่ำโคลน ถ้าต้องทำงานก็ให้ใส่รองเท้าบูท อย่าให้แผลสกปรก ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ และใส่ยา
- หลังทำไร่ทำนาย่ำน้ำย่ำโคลน ให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที
- อย่ากินยาชุด ยาลูกกลอน พวกนี้ชอบใส่สารเตียรอยด์ มันจะไปกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อง่าย
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลแบบปรุงไม่สุก
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หลังสัมผัสกับอาหารทะเล
อาการของโรค
ไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก เป็นลม ช๊อกหมดหมดสติ
- อาการของโรควันที่ 1-2 มีอาการปวดบริเวณที่เกิดโรค บวม และแดง ลักษณะจะคล้ายกับผิวหนังอักเสบหรือไฟลามทุ่ง แต่โรคเนื้อเน่าเกิดในชั้นลึกกว่านั้นซึ่งมองไม่เห็น อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้นซึ่งไม่สอดคล้องกับอาการทางผิวหนังที่ตรวจพบ ไม่ตอบสนองต่อยาปฎิชีวนะ ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวหัวใจเต้นเร็ว มีลักษณะอาการขาดน้ำ
- อาการของโรควันที่ 2-4 พบว่าบริเวณที่บวมจะกว้างกว่าบริเวณผิวหนังที่แดง มีผื่นผุพองซึ่งบ่งบอกว่าผิวหนังขาดเลือด และมีเลือดออก ผิวมีสีออกคล้ำเนื่องจากผิวหนังเริ่มตาย เมื่อกดผิวจะพบว่าแข็งไม่สามารถคลำขอบของกล้ามเนื้อได้ อาจจะคลำได้กรอบแกรบใต้ผิวหนัง เนื่องจากเกิดแก๊สใต้ผิวหนัง
- อาการของโรควันที่ 4-5 จะมีความดันโลหิตต่ำ และมีภาวะโลหิตเป็นพิษ ผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้สึกตัว
อาการแทรกซ้อน
อัตราเสียชีวิตจะสูง เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ การติดเชื้ออาจจะทำให้เส้นประสาท กล้ามเนื้อและหลอดเลือดถูกทำลาย อาจจะต้องตัดอวัยวะทิ้ง
การรักษา
มาพบแพทย์โดยด่วนเพื่อวินิจฉัยให้เร็ว และผ่าตัดเอาเนื้อที่ตายหรือเนื้อที่ติดเชื้อออกให้มากที่สุด ผ่าตัดเพื่อระบายเอาหนองออก และตัดเนื้อเยื่อที่ตาย หากติดเชื้อรุนแรงอาจจำเป็นต้องตัดอวัยวะนั้นออก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลวิภาวดี,
– คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
– มหาวิทยาลัยมหิดล
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM