ยาเอทินิล เอสตร้าไดออล (Ethinyl estradiol หรือ Ethinyl oestradiol หรือ Ethynyl estra diol หรือ Ethynyl oestradiol) เป็นสารอนุพันธุ์ของฮอร์โมนเพศหญิงเอสตร้าไดออล (Estradiol) ซึ่งพบในมนุษย์ ทางคลินิกได้นำมาใช้เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดซึ่งมักจะใช้ฮอร์โมนเพศหญิงชนิดอื่นร่วมอยู่ด้วย หากเป็นสูตรตำรับที่มีเฉพาะเอทินิล เอสตร้าไดออลเดี่ยวๆมักจะถูกนำมาใช้เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนในเพศหญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือนำมาช่วยบำบัดอาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)
หลังรับประทาน ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลจะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารและกระจายตัวเข้าสู่กระแสเลือดได้ถึงประมาณ 97% หลังจากนั้นอีก 2 – 3 ชั่วโมงระดับยานี้จะมีระดับความเข้มข้นสูงสุดในร่างกาย ตับจะเป็นอวัยวะที่คอยทำลายและเปลี่ยนโครงสร้างของยาเอทินิล เอสตร้าไดออล ร่างกายต้องใช้เวลาร่วมประมาณ 5 – 16 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกจากร่างกายโดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
อนึ่งก่อนที่ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจะใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออล มีข้อควรทราบและพึงระวังดังต่อไปนี้เช่น
- ห้ามใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลในผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้มาก่อน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้หากมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจ มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด มีภาวะหลอดเลือดขอด ปวดศีรษะไมเกรน ภาวะ/โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งเต้านม หรือมีก้อนเนื้องอกตามร่างกาย และในสตรีที่มีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดโดยยังหาสาเหตุไม่พบ
- สตรีที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากยาต่างๆทุกประเภทซึ่งรวมถึงยาเอทินิล เอสตร้าไดออลด้วย
- ระมัดระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีญาติป่วยด้วยโรคมะเร็ง
- มียาหลายรายการที่สามารถเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาเอทินิล เอสตร้าไดออลเช่นยา Warfarin, Acenocoumarol (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด), Rifampicin, Nevirapine, Efavirenz, Ritonavir, Theophylline, Phenobarbital, Imipramine และอื่นๆ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์พยาบาล เภสัชกรทราบทุกครั้งว่ามีการใช้ยาอะไรอยู่ก่อน
- การได้รับยาเอทินิล เอสตร้าไดออลเกินขนาดจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงมีเลือดประจำเดือนมาผิดปกติ
- ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลที่ใช้ในวัตถุประสงค์เป็นฮอร์โมนทดแทนและบำบัดภาวะกระดูกพรุนต้องได้รับยาต่อเนื่องเป็นประจำ ประกอบกับต้องได้รับการตรวจร่างกายเป็นระยะๆจากแพทย์ว่ามีภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) อื่นๆจากยานี้ร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งการหยุดใช้ยานี้จะทำให้มวลกระดูกบางลงเช่นเดิม ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้กำหนดขนาดการรับประทานและระยะเวลาการใช้ยานี้ในกรณีนี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติของไทยโดยสูตรตำรับยาจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศหญิงตัวอื่นอย่าง Desogestrel หรือ Levonorgestrel การใช้ยานี้ไม่ว่าจะเป็นด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจะต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรไปซื้อหามาใช้หรือรับประทานด้วยตนเอง
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น
- เป็นยาคุมกำเนิดใช้ป้องกันการตั้งครรภ์
- ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในหญิงวัยหมดประจำเดือน
- รักษาภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ
- บำบัดรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลในรูปฮอร์โมนสังเคราะห์มีกลไกการออกฤทธิ์โดยตัวยาจะยับยั้งการตกไข่และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ปากมดลูกโดยจะสร้างเมือกที่ขัดขวางการเดินทางของตัวอสุจิ พร้อมกับทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจนไม่เหมาะกับการฝังตัวของไข่ ส่งผลเกิดฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตามสรรพคุณ นอกจากนี้อิทธิพลของยาเอทินิล เอสตร้าไดออลยังช่วยให้เกิดการสะสมของมวลกระดูกจึงช่วยบำบัดรักษาภาวะกระดูกพรุน และยังช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากจึงช่วยประคับประคองบำบัดรักษาอาการของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วย
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทานขนาด 1 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาเม็ดชนิดรับประทานขนาด 10 และ 50 ไมโครกรัม/เม็ด
- ยาเม็ดชนิดรับประทานที่มีฮอร์โมนเพศหญิงชนิดอื่นผสมเช่น
- Ethinylestradiol 20 ไมโครกรัม + Desogestrel 150 ไมโครกรัม
- Ethinylestradiol 30 ไมโครกรัม + Levonorgestrel 150 ไมโครกรัม
- Ethinylestradiol 30 ไมโครกรัม + Drospirenone 300 ไมโครกรัม
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลมีขนาดรับประทานแตกต่างกันในแต่ละผู้ป่วย/ผู้บริโภคโดยขึ้นกับชนิดของวัตถุประสงค์/ชนิดของโรค/ของอาการ ดังนั้นขนาดยานี้จึงขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ซึ่งในบทความนี้ขอยกตัวอย่างเช่น
ก. ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในสตรีวัยหมดประจำเดือน:
- ผู้ใหญ่: รับประทานวันละ 10 – 50 ไมโครกรัมเป็นเวลาต่อเนื่อง 3 สัปดาห์และหยุดยา 1 สัปดาห์ในแต่ละรอบเดือน ระยะเวลาของการใช้ยาให้เป็นไปตามคำสั่งแพทย์
ข. รักษาภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ:
- ผู้ใหญ่: รับประทานวันละ 20 – 50 ไมโครกรัมเป็นเวลา 5 – 25 วันในแต่ละรอบเดือน ระยะเวลาของการใช้ยาให้เป็นไปตามคำสั่งแพทย์
ค. บำบัดรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก:
- ผู้ใหญ่: รับประทานวันละ 150 ไมโครกรัม – 1.5 มิลลิกรัม ตามคำสั่งแพทย์
อนึ่ง
- ในเด็ก: ห้ามใช้ยานี้ในเด็ก
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเอทินิล เอสตร้าไดออล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเอทินิล เอสตร้าไดออลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
กรณีที่ใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลบำบัดอาการป่วยอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการคุมกำเนิด หากลืมรับประทานยานี้ก็สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในครั้งถัดไปไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
กรณีที่ใช้เป็นยาคุมกำเนิดแล้วเกิดการลืมรับประทานยา ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือ ตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้เช่น
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะไมเกรน วิงเวียน
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกิดลิ่มเลือดจับตัวกันในหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดอุดตัน
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีผื่นคัน
- ผลต่อภาวะจิตใจ: เช่น มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง
- ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ: เช่น พบภาวะเต้านมโต
- ผลต่ออวัยวะระบบสืบพันธุ์: เช่น มีประจำเดือนมาผิดปกติในช่วง 2 – 3 เดือนแรกของการใช้ยานี้
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น มีความดันโลหิตสูง หรือเจ็บหน้าอก/แน่นหน้าอกร้าวไปจนถึงด้านหลัง
- ผลต่อระบบหายใจ: เช่น มีภาวะหายใจลำบาก
- ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น ปวดกล้ามเนื้อขา/ตะคริว
มีข้อควรระวังการใช้เอทินิล เอสตร้าไดออลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลเช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้เพื่อรักษาภาวะประจำเดือนมามากโดยแพทย์ยังมิได้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีประวัติมะเร็งเต้านม
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดขอด ผู้ป่วยที่มีประวัติลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ผู้ ป่วยด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยโรคตับ
- ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ควรรับประทานยานี้แต่ละวันในช่วงเวลาเดียวกัน
- ระหว่างการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีส่วนประกอบของยาฮอร์โมนชนิดนี้ควรตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเพื่อหาความผิดปกติเช่น มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าพบมีความผิดปกติควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
- หากพบอาการผิดปกติใดๆของร่างกายในระหว่างการใช้ยาฮอร์โมนนี้เช่น ปวดศีรษะรุนแรง เจ็บหน้าอกรุนแรง อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว ฯลฯ ให้รีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์และเพื่อแพทย์พิจารณาปรับเปลี่ยนการรักษา
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
อนึ่ง
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมเอทินิล เอสตร้าไดออลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอรวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เอทินิล เอสตร้าไดออลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น
- การใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลร่วมกับยาสเตียรอยด์เช่น Hydrocortisone อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากยาสเตียรอยด์ดังกล่าวสูงขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับ ประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลร่วมกับยาที่รักษาอาการโรคลมชักเช่นยา Phenobarbital อาจทำให้ระดับของยาเอทินิล เอสตร้าไดออลในกระแสเลือดลดลงส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกทางช่องคลอดคล้ายมีประจำเดือน หรือส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์โดยมิได้ตั้งใจได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้ร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
- การใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลร่วมกับยาขยายหลอดลมเช่น Aminophylline สามารถทำให้ระดับของยา Aminophylline ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ได้รับผลข้างเคียงของ Aminophyl line สูงขึ้นซึ่งแพทย์จะปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานเช่น ยา Insulin อาจทำให้ประสิทธิภาพของยา Insulin ด้อยประสิทธิภาพลง หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
ควรเก็บรักษาเอทินิล เอสตร้าไดออลอย่างไร?
ควรเก็บยาเอทินิล เอสตร้าไดออลภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ไม่เก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– หาหมอ.com
– เว็บพบแพทย์
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM