การรักษาแผลเริมในระยะเริ่มต้นด้วย “ยาทาเริม” อย่างเหมาะสม จะช่วยยับยั้งไวรัส ลดอาการ และทำให้แผลหายเร็วขึ้น
ยาทาเริมที่ใช้บ่อยมีอะไรบ้าง?
- Acyclovir cream/ointment (อะไซโคลเวียร์)
- ออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส
- ใช้ได้ทั้งเริมที่ปากและอวัยวะเพศ
- ทาวันละ 5 ครั้ง ทุก 4 ชั่วโมง (เว้นก่อนนอน) จนกว่าแผลจะหาย
- Penciclovir cream
- ออกฤทธิ์คล้าย Acyclovir แต่ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่า
- นิยมใช้ในเริมที่ริมฝีปาก
- ทาทุก 2 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงนอน
- Docosanol (OTC ในบางประเทศ)
- ยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส
- เหมาะกับเริ่มทาตั้งแต่เริ่มรู้สึกตึงหรือแสบที่ผิว
- ยังไม่แพร่หลายในไทย
ใช้ยาทาเริมอย่างไรให้ได้ผล?
- เริ่มใช้ทันทีเมื่อมีอาการ “เตือน” เช่น แสบ คัน หรือรู้สึกตึงที่ผิว
- ล้างมือก่อนและหลังทายาเสมอ
- ใช้สำลีปลายพันก้านในการทา เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจาย
- อย่าแชร์ยากับผู้อื่นเด็ดขาด
- อย่าทายาเกินปริมาณที่แนะนำ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อใช้ยาทาเริม
- 🚫 หยุดยาทันทีก่อนแผลหาย
- 🚫 ทายาทับแผลซ้ำ ๆ โดยไม่ล้างมือ
- 🚫 ใช้ร่วมกับยาสเตียรอยด์โดยไม่ปรึกษาแพทย์
- 🚫 ใช้เครื่องสำอางทับบริเวณแผลเริมขณะทายา
เมื่อไรควรไปพบแพทย์?
- ถ้าแผลไม่ดีขึ้นภายใน 10 วัน
- ถ้าแผลลุกลามกว้างขึ้นหรือมีอาการปวดมาก
- ถ้าเคยใช้ยาเดิมแล้วไม่ได้ผล
- หรือหากคุณมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เป็นเบาหวาน ติดเชื้อ HIV หรือกำลังใช้ยากดภูมิ
ปรึกษาด้านยา หรือเภสัชกรได้ที่ร้านขายยาคุณภาพ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ปลอดภัย และเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
อ่านเพิ่มเติม: [ภูมิคุ้มกันต่ำ กับความเสี่ยงเริมกำเริบบ่อย – ทำไมถึงต้องระวัง?]
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- Mayo Clinic. Cold sore treatment: Antiviral creams and timing. mayoclinic.org
- NHS. Herpes simplex virus and antiviral medications. nhs.uk
- Drugs.com. Topical treatments for herpes labialis. drugs.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.chulalakpharmacy.com
Post Views: 16